บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” ทุ่มงบ 100 ล้าน เปิดตัว S-Pure ด้วยแคมเปญการตลาด “ถ้าวิถีธรรมชาติ คือทางของคุณ S-Pure No.1 Brand” ที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์แปรรูป ในรูปแพ็กเกจจิ้งใหม่ “รักษ์โลก” ด้วยการใช้บรรจุภัณฑ์ “ถาดกระดาษ (Paper Tray)” ที่สามารถลดขยะพลาสติก เผยเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกในปี 2563 ที่ได้การรับรอง “การเลี้ยงที่ไม่มียาปฏิชีวนะ (Raised Without Antibiotics-RWA)” จาก NSF สหรัฐอเมริกา ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์หมู ไก่ ไข่ไก่
โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า จากข้อมูลคาดการณ์ว่าในปี 2566 ตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียมจะมีมูลค่าอยู่ที่ 57,100 ล้านบาท โดยมีปัจจัยมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซื้อเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กอปรกับแรงหนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และจากข้อมูลโดย Euromonitor ได้เผยด้วยว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมด้านอาหารของไทยในปี 2566 มีมูลค่าราว 7.87 แสนล้านบาท และมูลค่าของอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตอีก 6 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ราว 9.33 แสนล้านบาท โดยแต่ละระดับมีสัดส่วนในตลาดอยู่ที่ 4.84 แสนล้านบาท, 1.75 แสนล้านบาท, 7.04 หมื่นล้านบาท และ 5.71 หมื่นล้านบาท สำหรับสัดส่วนมูลค่ารวมของตลาดระดับ Super Premium นี้ คิดเป็นสัดส่วนอยูที่ 7.3 เปอร์เซ็นต์ จากภาพรวมของอุตสาหกรรมอาหารทั้งหมด
นอกจากนี้ ภาพรวมการบริโภคและภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น ทั้งสุขภาพกายและจิตใจ เลือกอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัยสูง จากแหล่งผลิตที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับและเชื่อถือได้ ทั้งยังตระหนักและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เพื่อการบริโภคที่ยั่งยืน ดีต่อโลกและต่อตัวเอง
โดยปี 2562 เบทาโกรฯ มีผลประกอบการรวมของเบทาโกร มีผลประกอบการอยู่ที่ 113,877 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์ที่แบ่งสัดส่วนได้ 4 ระดับคือ Economy, Standard, Premium และ Super Premium โดยมีสัดส่วนมีสัดส่วนในประเทศและต่างประเทศ
เดินหน้าแปรขบวน S-Pure
โอลิเวอร์ เผยถึงการเปิดตัวแคมเปญการตลาดใหม่ของ S-Pure ในครั้งนี้จะทุ่มราว 100 ล้านบาทเพื่อสร้างการรับรู้ถือจุดยืนของแบรนด์ โดยมีภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ของ S-Pure ที่มุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและมีไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตเพื่อการมีสุขภาพดี โดยวางเป้าหมายยอดขายแบรนด์ S-Pure โต 17% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ผ่านมา ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียม พร้อมด้วยการสื่อสารผลิตภัณฑ์ใหม่ "S-Pure Prime" เนื้อสัตว์แปรรูปสไตล์โฮมเมด 5 รูปแบบอันได้แก่ ไส้กรอกเวียนนา, เบคอนหมูรมควัน, พอร์คลอยน์แฮมรมควัน, โบโลญ่าหมู และโบโลญ่าไก่
“เราส่งมอบผลิตภัณฑ์ระดับซูเปอร์พรีเมียมตั้งแต่ขั้นตอนการเลี้ยงดูที่ไม่มีสารปฏิชีวนะ ระบบฟาร์มปิด การผลิตแบบสดใหม่แม้จะเป็นโรงงานผลิตเดียวกับผลิตภัณฑ์ในระดับอื่นๆ แต่ถูกๆ วันหลังจบกระบวนการผลิตเราจะทำความสะอาดพื้นที่ส่วนผลิตเพื่อให้ทุกเช้า เบทาโกรฯ จะเริ่มต้นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปของ S.Pure ในเช้าของวันใหม่ ก่อนที่จะทำการผลิตในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต่อไป” โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์ กล่าวและเสริมว่า
ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปใหม่นี้จึงมีรสชาติที่คงความอร่อยจากธรรมชาติ ปราศจากการแต่งเติมสารเคมี รวมถึงสารปรุงแต่ง สารกันบูด ผงชูรส วัตถุเจือปนอาหาร และหลังจากวิจัยพัฒนาร่วมกับ SCG เป็นเวลาร่วมปี จึงได้เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ถาดกระดาษ (Paper Tray) มาใช้กับกลุ่มสินค้าอาหารสด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เนื้อหมู เนื้อไก่ ซึ่งถาดกระดาษผลิตจากต้นยูคาลิปตัสที่มาจากป่าปลูก 100% มีคุณสมบัติการใช้งานเทียบเท่าถาดพลาสติก (Forest Stewardship Council) สามารถลดการใช้พลาสติกได้ถึง 80% พร้อมๆ ไปกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์โฉมใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ทันสมัย สะท้อนถึงการเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ สดใหม่ มีความปลอดภัย
นอกจากนี้ โอลิเวอร์เผยด้วยว่า เราภาคภูมิใจที่ S-Pure ได้รับการรับรองจาก NSF สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นแบรนด์แรกและหนึ่งเดียวของไทยในปี 2563 ที่ได้รับการรับรองการเลี้ยงที่ไม่มียาปฏิชีวนะ (Raised Without Antibiotics-RWA) ครบทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่
ขณะที่ผลวิจัยผู้บริโภค พบว่า S-Pure เป็นแบรนด์ที่สามารถครองใจผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีฐานผู้บริโภคที่มีความภักดีในตราสินค้า (Brand Loyalty) มากกว่า 50 เปอรเซ็นต์ (Quality advocacy Index) สะท้อนถึงการเป็นผู้นำตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียมที่ผู้บริโภคไว้วางใจอีกด้วย”
อ่านเพิ่มเติม : รพ.เวชธานี เปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านสุขภาพจิต "BMHH" เผยครึ่งแรกปี 66 ลูกค้าใช้บริการเพิ่ม 30-50%
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine