ด้วยความเชื่อว่านวัตกรรมด้านการเงินและเทคโนโลยีจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคม เศรษฐกิจและการเมืองไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ "นิรันดร์ ประวิทย์ธนา" ซีอีโอ เครือ Ava Advisory และบริษัท Avantis Laboratory จึงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดระดมทุนกว่า 100 ล้านบาท สร้างแพลตฟอร์ม SANGA (ซังกะ) เปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศให้เปิดโฉนดดิจิทัล เปิดกว้างการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก คาด 2 ปี พอร์ตแตะระดับหมื่นล้านบาท
นิรันดร์ ประวิทย์ธนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท Ava Advisory และ Avantis Laboratory มีประสบการณ์ในเรื่องเทคโนโลยีทางด้านการเงิน สินทรัพย์ดิจิทัล และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ จากการทำงานในวงการมามากกว่า 20 ปี และได้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัป อย่าง Avareum Capital Fund และ Vulcan Coalition บริษัทให้บริการด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อสังคม ผ่านแพลตฟอร์มสร้างอาชีพให้คนพิการ รวมถึงก่อตั้งบริษัท Market Anyware ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับการลงทุน และอัปเดตข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในตลาดการลงทุน และล่าสุดบริษัท Avantis Laboratory ที่ให้บริการในการเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์
ด้วยความที่เขามีความสนใจในด้านเศรษฐศาสตร์และความเปลี่ยนแปลงทางสังคมต่าง จึงมุ่งเน้นศึกษาในด้านนวัตกรรมการเงินแบบไร้ตัวกลางรวมถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในหน่วยงานต่างๆ โดยเชื่อว่านวัตกรรมด้านการเงินรวมถึงเทคโนโลยีระบบทางการเงินแบบกระจายศูนย์จะสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมทั้งในด้านของเศรษฐกิจและการเมืองไปในทางที่ดีขึ้นได้
ระดมทุน 100 ล้านบาท พัฒนา SANGA
Ava Advisory เป็นกลุ่มบริษัทในเครือเอวา ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อมุ่งเน้นเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นหลัก โดยร่วมลงทุนกับทางกลุ่มเจมาร์ท เจ เวนเจอร์ส และ บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จัดตั้งบริษัท Avantis ระดมทุนรอบซีรีย์ A ได้กว่า 100 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโซลูชัน SANGA เพื่อทำธุรกิจบล็อกเชนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อแปลงโฉนดที่ดินให้เป็นโฉนดดิจิทัล โดยเน้นที่การแปลงอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศให้กลายเป็นดิจิทัลโทเค็น แล้วขายให้กับนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งในระยะแรกกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่สนใจ คือ กลุ่มทรัพย์สินที่อยู่อาศัย (Residential Property) ในญี่ปุ่นและอังกฤษเป็นหลัก
“ปัจจุบันเทรนด์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นและที่อังกฤษ ประกอบกับที่ผ่านมาตลาดคริปโตได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก SANGA จึงนำสองสิ่งนี้มารวมกันและสร้างความแตกต่างด้วยการพัฒนาโทเค็นที่มีสินทรัพย์จริงมารองรับในรูปแบบโฉนดดิจิทัล ทำให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ข้อดีของการถือโฉนดแบบดิจิทัล คือ Improved Efficiency, Global market, Easy tracking of assets และ Transparency ถือเป็นแพลตฟอร์มแรกที่ควบรวมทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนเข้าไว้ด้วยกัน” นิรันดร์ระบุ

Sanga คือผู้ให้บริการด้านการทำธุรกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินในรูปแบบใหม่ผ่าน “โฉนดดิจิทัล หรือ DIgital Deeds” ให้แก่ผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ทั่วทุกมุมโลกผ่านการซื้อขายในเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถประหยัดค่าธุรกรรม อีกทั้งช่วยให้การโอนกรรมสิทธิ์มีความสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัยมากขึ้น และสามารถเข้าใช้บริการได้จากทั่วโลก โดยที่ลูกค้าสามารถแลกโฉนดดิจิทัลคืนเป็นเงินสดได้ตลอดเวลา และเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการลูกค้า เราใช้ "Special Purpose Vehicle" (SPV) หรือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินและจัดการกระบวนการสิทธิ์การเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับทรัพย์สินเหล่านี้
นิรันดร์ กล่าวว่า สำหรับราคาโทเค็นประเภทที่มีสินทรัพย์จริงรับรองนั้น ผลตอบแทนจะอ้างอิงตามราคาอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ เนื่องจากเราไม่ได้นำเอาระบบการแปลงโทเค็นมาใช้เพื่อปั่นราคา แต่เรานำมาใช้เพื่อประโยชน์ เช่น การทำธุรกรรมที่มีต้นทุนที่ถูกลง การโอนที่ดิน การโอนโฉนด การค้ำประกัน การปล่อยกู้ และไม่ต้องถือโฉนดตัวจริงเพื่อเดินทางไปทำธุรกรรมที่ทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้นโดยใช่เหตุ ช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลา
นอกจากนี้ Sanga ยังให้บริการด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินผ่านพาร์ทเนอร์ที่มีความน่าเชื่อถือจากหลากหลายประเทศ ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าสินทรัพย์อสังหาภายใต้การดูแลของ Sanga นอกจากสามารถเพิ่มมูลค่าในตัวเองได้แล้ว ยังสามารถเพิ่มกระแสเงินได้อีกด้วย ด้วยบริการ Asset Enhancement ที่จะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ โดยเราสามารถเพิ่มกระแสเงินสดของลูกค้าผ่านโปรแกรมการกู้เงินผ่านที่ดินอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพสูง และจัดสรรทุนให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของเรา เพื่อสามารถสร้างผลตอบแทนคงที่ระหว่าง 7% - 15% ต่อปี รวมถึงสามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลาดำเนินการขอสินเชื่อจำนองแบบเดิม
สำหรับรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ของ Sanga มาจาก 3 ส่วน คือ
1. ค่าคอมมิชชัน (Agency Commission) ทุก ๆ ครั้งที่มีการซื้อขายเกิดขึ้น บริษัทจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ค่าคอมมิชชั่นจากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
2. ส่วนต่างจากราคาประมูล (Auction Price Difference) สำหรับสินทรัพย์ที่มีความต้องการสูงจะถูกนำไปประมูล และขายให้กับผู้ที่ประมูลได้สูงที่สุด โดย Sanga ได้กำไรจากส่วนต่างในส่วนนี้ และ
3. ค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์ (Transfer of Ownership Fee) เนื่องจากผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์จาก Sanga จะครอบครองกรรมสิทธิ์ดิจิทัลในรูปแบบของ NFT ซึ่งการโอนกรรมสิทธิ์ NFT นั้นสามารถทำได้ด้วยค่าธรรมเนียมที่ถูกลงเมื่อเทียบกับภาษีการโอนที่ดินแบบเดิม
ด้านแผนงานในอนาคต จะมีการพัฒนาโปรแกรมการจำนอง Sanga กำลังอยู่ในระหว่างการขอใบอนุญาตเพื่อให้บริการเกี่ยวกับการรับจำนองและเงินกู้ต่างๆ
“SANGA ตั้งเป้ามูลค่าของพอร์ตใน 2 ปีแรกที่ 10,000 ล้านบาท โดยเน้นไปที่อสังหาริมทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่นและอังกฤษ แบ่งเป็นพอร์ตที่ญี่ปุ่น 70% และพอร์ตที่อังกฤษราว 30% และอาจจะมีการขยายไปในประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติมในอนาคต ขณะที่ในเฟสสอง วางแผนที่จะขยายไปยังธุรกิจธนาคารดิจิทัลเพื่อต่อยอดธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต่อไป ซึ่งคาดว่าจะอาจจะเริ่มในอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยธุรกิจทั้งหมดจะโฟกัสที่ตลาดโลกเป็นหลัก” นิรันดร์กล่าว
เทรนด์ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัลเติบโต
ปัจจุบัน มีแนวโน้มที่แต่ละประเทศ เริ่มมีการออกกฎหมายใหม่ เช่น ฮ่องกงที่มีการออกกฏหมาย โดยเน้นไปที่การสนับสนุนการพัฒนาโทเค็นแบบที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันโดยเฉพาะ โดยคาดว่าจะออกกฏหมายใหม่ในช่วงกลางปีนี้ และยังมีอีกหลายประเทศที่เริ่มแสดงให้เห็นว่าบล็อกเชน ไม่ได้มีประโยชน์อยู่เพียงแค่คริปโตเคอเรนซี่เท่านั้น แต่ว่ายังสามารถนำมาเป็นฐานของเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อนำมาช่วยต่อยอดการทำธุรกรรมในโลกของความเป็นจริงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นิรันดร์ กล่าวว่า การซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้นมีทั้งรูปแบบซื้อเพื่อการลงทุนหรือซื้อเพื่อไลฟ์สไตล์ เนื่องจากบางคนซื้ออยู่เอง แต่บางคนซื้อเพื่อหวังผลตอบแทนในอนาคต โดยแพลตฟอร์ม SANGA จะเข้ามาตอบโจทย์เรื่องของไลฟ์สไตล์เป็นหลัก แนวคิดของ SANGA คือ นอกจากการได้ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ดีมีศักยภาพ ที่มาจากการคัดเลือกของทีมงาน SANGA ที่เชี่ยวชาญในอสังหาริมทรัพย์ในแต่ละพื้นที่ ในการเฟ้นหาสินทรัพย์คุณภาพดีแล้ว
เรายังให้สิทธิ์เจ้าของบ้านในการเข้าพักในอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ในพอร์ตโฟลิโอของเราได้ด้วย เช่น เมื่อผู้ซื้อท่านหนึ่งซื้ออสังหาริมทรัพย์หนึ่งหลังในโตเกียว พอบินไปโตเกียวผู้ซื้อท่านนั้นจะได้รับสิทธิ์เข้าพักในอสังหาริมทรัพย์ของตนเองตามปกติ แต่หากผู้ซื้อท่านนั้นเดินทางไปยังพื้นที่อื่นที่มีอสังหาริมทรัพย์ในพอร์ตโฟลิโอของเรา ไม่ว่าจะทั้งในประเทศโอซาก้า ฮอกไกโด หรือลอนดอน ก็สามารถแจ้งใช้สิทธิ์เข้าพักในอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ได้ด้วย ซึ่งนอกจากจะตอบโจทย์เรื่องการลงทุนแล้ว ยังเป็นไลฟ์สไตล์โปรดักส์ที่จะช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตในต่างประเทศได้อีกด้วย
สำหรับเงินระดมทุนครั้งแรก ราว 100 ล้านบาทจะถูกนำมาพัฒนาและขยายส่วนงานด้านกฎหมาย และแพลตฟอร์มบริหารจัดการโฉนดดิจิทัล เนื่องจากธุรกิจของบริษัทเน้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ จึงมีการจัดตั้งบริษัท SPV ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) เพื่อเป็นบริษัทกลางในการจัดเก็บโฉนดดิจิทัล ภายใต้มาตรฐานการจัดเก็บและการรักษาความปลอดภัยระดับโลก ซึ่งจะเป็นส่วนของการเก็บโฉนดที่ดินจริงเพื่อแปลงออกเป็นโฉนดดิจิทัล และมีการจัดตั้งบริษัทที่ญี่ปุ่น เพื่อเข้ามาดูแลในส่วนของการจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่จะอยู่ในระบบของบริษัทในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย รวมไปถึงการจ้างทีมงานบล็อกเชนเพิ่มขึ้นในการพัฒนา Smart Contract หรือรูปแบบสัญญาดิจิทัล เพื่อสร้าง เก็บและดูแลโฉนดดิจิทัลให้มีความปลอดภัยสูงสุด
นอกเหนือจากการทำงานในด้านธุรกิจแล้ว นิรันดร์ยังคงทำงานวิจัยด้านญี่ปุ่นศึกษา เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องของธุรกิจระหว่างประเทศและตลาดในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งในอนาคตจะได้เห็นรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่เกิดจากการศึกษา วิจัยและพัฒนาของ “นิรันดร์” และพันธมิตรออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาสังคม ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองไปในทางที่ดียิ่งขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : สมาคมการตลาดฯ เผย 4 เทรนด์การตลาด รับมือความต้องการของผู้บริโภค
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine