จุมภฏ รวยเจริญทรัพย์ “โก๋แก่-โก๋ฟิล์ม” ธุรกิจ ชีวิต ความสุข - Forbes Thailand

จุมภฏ รวยเจริญทรัพย์ “โก๋แก่-โก๋ฟิล์ม” ธุรกิจ ชีวิต ความสุข

FORBES THAILAND / ADMIN
08 Jul 2023 | 11:00 AM
READ 859

“โก๋แก่ใช้ถั่ววันละ 20 ตันทุกวัน ถ้าเป็นช่วงปีใหม่ขายดี ก็มีถึง 25 ตัน ถั่วเป็นวัตถุดิบที่เอามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ โก๋แก่ที่ตลาดคุ้นเคย”

    จบปริญญาโทบริหารธุรกิจจากอังกฤษ แต่มีใจรักในศิลปะ แม้จะกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาต่อยอดธุรกิจจนเติบใหญ่ แต่ความหลงใหลในงานศิลปะ ทำให้เขาตั้ง “โก๋ฟิล์ม” ขึ้นมาตอบโจทย์งานศิลป์ด้านภาพยนตร์ เติมเต็มความสุขอีกด้านของชีวิต

    บางคนมีความฝันแต่ติดขัดด้านการเงิน บางคนมีเงินแต่ไม่มีโอกาส ต่างกับชายผู้นี้ซึ่งมีทั้งการเงิน การงาน และได้ทำตามความฝันในเวลาเดียวกันสำหรับ จุมภฏ รวยเจริญทรัพย์ หรือต้นโก๋แก่กรรมการผู้จัดการบริหารโรงงานโก๋แก่ บริษัท โรงงานแม่รวย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย “โก๋แก่” แบรนด์สแน็กผลิตภัณฑ์ถั่วอันดับต้นๆ ของตลาด ทายาทผู้สืบทอดกิจการจากรุ่นบุกเบิก นำก้าวย่างใหม่มาสู่ธุรกิจ มีส่วนทำให้แบรนด์โก๋แก่ยังครองอันดับ 1 ของตลาดได้อย่างแข็งแกร่งในปัจจุบัน

    “ผมเป็นลูกคนโตเรียนจบจากต่างประเทศด้านธุรกิจ ตอนจบมาใหม่ๆ ไปทำงานที่อื่นมาก่อน คุณพ่อไม่ถึงกับบังคับว่าต้องมารับช่วงหรืออะไร” จุมภฏเริ่มต้นบอกเล่าเส้นทางชีวิตการทำงานของเขากับทีมงาน Forbes Thailand ราวกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ช่วงนั้นภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เขาสร้างขึ้นเพราะความชอบส่วนตัวกำลังเข้าฉาย “Resemblance ปรากฏการณ์” ซึ่งนำแสดงโดย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม เป็นภาพยนตร์อินดี้ผลงานชิ้นล่าสุดของ “โก๋ฟิล์ม” กิจการสร้างภาพยนตร์ของจุมภฏที่เขาทำด้วยใจรักควบคู่ไปกับธุรกิจโก๋แก่ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ต้นโก๋แก่” ที่หลายคนรู้จัก ไปสุดไม่เกรงใจใคร

    “Resemblence” ไม่ใช่ภาพยนตร์เรื่องแรกของนักธุรกิจวัย 51 ปีผู้นี้ที่ประกาศตัวชัดเจนว่า เขาทำธุรกิจสืบทอดกิจการของครอบครัวเพื่อให้มีเงินทุนและรายได้มากพอสำหรับการทำสิ่งที่ชอบ นั่นคือการสร้างภาพยนตร์ “หนังผมไม่ค่อยมีคนดูหรอกผมรู้ แต่ผมชอบและทำมันด้วยความสุข ตราบใดที่ยังมีทุนและพลังผมจะทำอย่างต่อเนื่อง” ชายหนุ่มผิวขาวร่างโปร่งบางบอกเล่าพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามว่า “คุณคิดว่าไง คุณว่าผมบ้าไหมที่ชอบทำหนังแบบที่ตัวเองชอบโดยไม่สนใจว่ามันจะขายได้หรือไม่ได้” คำถามนี้เป็นเสมือนการบอกเล่าตัวตนมากกว่าจะเป็นคำถามจริงๆ เพราะดูเขาไม่ได้ต้องการคำตอบจากคำถามสักเท่าใด ตลอดเวลาที่พูดคุยสิ่งที่รับรู้ได้ชัดเจนคือ เขาดูจริงจังและตั้งใจมากกับการทำหนัง

    แต่ขณะเดียวกันก็ยืนอยู่บนเหตุผลที่ว่า “คุณต้องมีทุนก่อนถึงจะทำสิ่งที่ต้องการโดยไม่หวังผลกำไรได้” นั่นคือแนวคิดของผู้บริหารหนุ่มที่มีบุคลิกสบายๆ คล้ายศิลปินมากกว่านักธุรกิจ แต่เขาก็ยืนยันว่าตัวเองเป็นคนทำธุรกิจ มีมุมมองการบริหารจัดการ และกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ สามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้ไม่ต่างจากรุ่นบุกเบิก และยังมีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ตรงใจตลาดเมื่อคนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพด้วยการนำเสนอถั่วอบเมนูต่างๆ ขึ้นมาทำยอดขายควบคู่ตลาดถั่วทอดได้เป็นอย่างดี

    มุมมองของจุมภฏในแง่ธุรกิจไม่ได้ด้อยไปกว่าซีอีโอคนอื่นๆ เขาสร้างการเติบโตของธุรกิจโรงงานแม่รวยได้อย่างต่อเนื่อง หากดูจากยอดรายได้ที่บริษัทเปิดเผยในคลังข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะพบว่า โรงงานแม่รวยมีรายได้กว่า 2.1 พันล้านบาทมาตั้งแต่ปี 2561 และเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนได้รับผลกระทบในช่วงปี 2563 จากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งลดลงไม่มากนัก และเริ่มกลับมาเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย

    “ก่อนโควิดเราส่งออก 400-500 ล้านบาท แค่ตลาดจีนก็ปาเข้าไป 250 ล้านบาทแล้ว พอโควิดปุ๊บยอดตกไปเหลือ 30 ล้าน มันหายไปเลยก็ต้องไปดูตลาดอื่นที่มันเข้มแข็งเร็วกว่า” ช่วงนั้นเองเขาหันไปเน้นที่ยุโรปซึ่งตลาดกระเตื้องขึ้น ปี 2565 ปิดยอดส่งออกยุโรปที่ 420 กว่าล้านบาท “ตลาดจีนยังไม่ฟื้น ปีที่แล้วจีนปิดที่ 7 ล้านจากแต่เดิม 200 กว่าล้านบาท แต่ดีที่ได้ตัวเลข 400 กว่าล้านจากยุโรปมาชดเชย” จุมภฏบอกเล่าผลประกอบการอย่างไม่เป็นทางการ ข้อมูลที่เขาแบ่งปันอย่างไม่ติดขัดนั้นไม่ต่างจากนักธุรกิจคนหนึ่งที่ดูแลในภาพรวมกิจการอย่างจริงจัง


    ธุรกิจโรงงานแม่รวยคือส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา “ผมคุ้นเคยกับธุรกิจเป็นอย่างดี ไม่ได้มีการ anti ว่าไม่อยากทำหรืออะไร เพราะผมโตมาเห็นคุณพ่อทำตั้งแต่ข้าว-เกรียบจนมาทำถั่วเคลือบ” จุมภฏบอกว่า เขาไม่เคยลืมประสบการณ์วัยเด็กที่คลุกคลีกับธุรกิจของครอบครัวตลอดมา

    “สมัยเด็กๆ คุณพ่อพาเข้าโรงงานตลอด เป็นอะไรที่คุ้นชิน ได้ดูได้เห็นโรงงาน เห็นการทำงานทุกขั้น มันอยู่ในสายเลือด เราชินมาตั้งแต่เด็กแล้ว อยากสานต่องานที่บ้านให้ได้เงินเพื่อมาทำสิ่งที่รัก” เขามีความคิดแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ชอบงานศิลปะ วาดรูป การทำหนังคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะนำเงินจากธุรกิจมาทำหนัง แต่ก็ไม่ทิ้งความสำคัญกับการทำธุรกิจที่ทุ่มเทให้อย่างเต็มที่เช่นกัน “การหาเงินเป็นเรื่องปากท้องต้องมาก่อน จากนั้นค่อยมาทำสิ่งที่ชอบ” เขาอธิบายวิธีคิดนี้ซ้ำ 2-3 ครั้งเหมือนจะย้ำว่า เป็นสิ่งที่เขาคิดรอบคอบแล้ว เป็นการทำที่ได้ทั้งงาน ได้เงิน และยังตอบสนองความต้องการไปด้วยในคราวเดียวกัน ซึ่งแนวทางนี้ผ่านการรับรู้ของครอบครัว ผ่านการเริ่มต้นที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมาแล้ว

    “ช่วงแรกๆ ผมกับคุณพ่อก็มี conflict บ้าง คุณพ่อเองไม่ค่อยไว้ใจและผมก็ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ไม่เป็นอย่างที่คิด ทำดีก็เสมอตัว ทำแย่ก็แย่อีก สิ่งดีๆ ไม่ค่อยพูดถึง แต่สิ่งแย่ๆ จะคอยตอกย้ำ” เขาเล่าว่า สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อเขาเข้ามาทำงานกับครอบครัวในช่วงแรก ตอนนั้นอายุราว 25 ปี กว่าจะได้รับความไว้วางใจให้มารับผิดชอบเต็มตัวอายุล่วงเลยมา 36 ปีแล้ว หรือกว่า 10 ปีก่อนที่จะได้รับความไว้วางใจ ซึ่งเขาต้องพิสูจน์ให้บิดาเห็นว่าเขาทำได้ ยอดขายดีขึ้น ตัวเลขดีขึ้น ซื้อเครื่องจักรใหม่มาทำไลน์ผลิตใหม่ ทำให้เห็นความแตกต่างจากการเพิ่มปริมาณและเปลี่ยนไลน์ผลิตไปเลยก็มี พอเริ่มประสบความสำเร็จตลาดต่างประเทศ กำไรมากขึ้น ยอดขายโตขึ้น “การยอมรับเริ่มมีเข้ามาเรื่อยๆ” เขาเล่าอย่างเรียบง่ายเพราะเป็นประสบการณ์ที่ผ่านมานานพอสมควรแล้ว

    จนกระทั่งวันที่เขาลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ชอบนั่นคือการทำหนัง สำหรับจุมภฏภาพยนตร์เป็นทั้งแพสชั่นและงานอดิเรก เขาเสพงานภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็กๆ จุดเริ่มต้นมาจากบิดาซึ่งพาเขาเข้าโรงหนังตั้งแต่ยังเด็ก ยิ่งสมัยที่ไปเรียนต่างประเทศ เขาเริ่มเรียนปริญญาตรีที่ประเทศฝรั่งเศสก่อนจะมาต่อปริญญาโทที่อังกฤษ ชีวิตในต่างประเทศของจุมภฏคือการเรียนและชื่นชมงานศิลปะ โดยเฉพาะเรื่องภาพยนตร์ “ผมไม่ชอบ hang out หรือเล่นกีฬาเหมือนคนอื่น เวลาว่างผมจึงมักไปดูหนัง ดูทุกเรื่องทุกสไตล์ ค่อยซึมซับและกลั่นกรองมาป็นแนวทางที่ชอบ” เวลาที่จุมภฏเล่าเรื่องเกี่ยวกับภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์การชมภาพยนตร์หรือการสร้างภาพยนตร์ สีหน้าเขาดูสนุก มีความสุข มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ และบางครั้งมีการสบถเล็กน้อยเมื่อบอกเล่าถึงหนังที่เขาไม่ชอบในบางองค์ประกอบ



    วันที่ทีมงานไปสัมภาษณ์เขาเปิดห้องสตูดิโอเล็กๆ ย่านบางขุนเทียนของโก๋ฟิล์มเป็นที่สัมภาษณ์ ซึ่งที่นี่จะเรียกว่าเป็นออฟฟิศส่วนตัวของเขาก็ไม่ผิด เพราะเวลาส่วนใหญ่จุมภฏจะใช้ไปกับการตัดต่อภาพยนตร์ การดูบท และการรวบรวมอุปกรณ์เอฟเฟกต์ต่างๆ เกี่ยวกับการทำหนังไว้ในอาคาร ซึ่งเป็นตึกแถวขนาดกะทัดรัดที่ด้านล่างมักจะปิดประตูเงียบ แต่การทำงานจะอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร ในห้องเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์เกี่ยวกับหนังที่ทำเป็นหลัก “บางทีผมใช้เวลาที่สตูดิโอนี้ยาวนานหลาย 10 ชั่วโมง ดูรายละเอียดงานตัดต่อและเก็บรายละเอียดของหนังไปเรื่อยๆ สนุกและเพลินดี”

    แน่นอนเมื่อใจรักไม่ว่าจะทำอะไรย่อมนำมาซึ่งความสุข จุมภฏก็เช่นเดียวกัน ชีวิตของเขาภารกิจของผู้บริหารในฐานะแม่ทัพโก๋แก่ถือเป็นภารกิจหลักของชีวิต เป็นกิจการครอบครัวที่เขาในฐานะลูกชายคนโตของบ้านต้องรับหน้าที่ผู้นำ แต่ก็มีสมาชิกในครอบครัวอีกหลายคนช่วยกันบริหารกิจการโรงงานแม่รวย เขาบอกว่า ความสำเร็จไม่ได้มาจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความร่วมมือร่วมแรงในการนำพากิจการของครอบครัวให้เติบโตมาจนทุกวันนี้ 

    สำหรับตัวเขาเองชีวิตส่วนตัวนอกจากการทำงาน การทำหนัง เขายังชอบการเดินทาง และชื่นชอบความเป็นฝรั่งเศสมาตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นนักศึกษา แม้จะไปจบปริญญาโทจากอังกฤษ แต่ความฝังใจและความชอบเขายังคงเป็นฝรั่งเศส นี่คงเป็นอีกหนึ่งที่มาของความใส่ใจเรื่องศิลปะ เพราะที่ฝรั่งเศสทุกคนคงทราบดีว่าการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมมีความเป็นศิลปะเยอะมาก 

    “ผมชอบความเป็นฝรั่งเศส ชอบภาษา ชอบ culture ชอบดูหนัง ชอบเพลง ชอบสไตล์ พูดฝรั่งเศสได้ในระดับพื้นฐาน ถ้ามีเวลาผมจะไปฝรั่งเศสเรื่อยๆ” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความชอบหรือเปล่าที่ทำให้แม่ทัพโก๋แก่คนนี้มีสไตล์คล้ายคนฝรั่งเศสทั้งรูปร่างและบุคลิก รวมไปถึงการพูดคุยและมุมมองในเรื่องศิลปะ

    จุมภฏบอกว่า ชีวิตของเขาผ่านความต้องการแบบวัยรุ่นมาแล้ว วัยที่ก้าวข้าม 50 มาทำให้มุมมองการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป เขาไม่ใคร่ใส่ใจในเรื่องสินค้าแบรนด์เนมหรือแฟชั่นมากนัก บ่อยครั้งที่ภรรยาเขามักเปรยว่า มีเงินก็ใช้บ้าง แต่งตัวบ้าง เขาไม่ได้ใส่ใจคำพูดเหล่านั้น เพราะมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าเงินที่มีต้องการนำมาทำหนังเป็นสิ่งที่เขาชอบ และฝรั่งเศสก็เช่นกัน แม้จะมีเงินเขาไม่คิดว่าจะไปซื้อบ้านที่นั่น มองว่าไปพักโรงแรมมีเวลาเขียนบทหนัง ทำงานที่ชอบ และเดินทางท่องเที่ยวคือคำตอบที่ใช่สำหรับเขามากกว่า

    วันนี้ชีวิตของแม่ทัพโก๋แก่รุ่น 2 อยู่ตัวเพราะได้ทำสิ่งที่ชอบ ได้ดูแลกิจการสานต่อธุรกิจของครอบครัว ดูแลพนักงานกว่า 1,000 คน ได้ทำคอนแทรคฟาร์มมิ่งกับเกษตรกรพื้นที่ 800 กว่าไร่ ได้สร้างการเติบโตธุรกิจไปกับสังคม ถือว่าอยู่ตัวแล้ว “โก๋แก่ใช้ถั่ววันละ 20 ตันทุกวัน ถ้าเป็นช่วงปีใหม่ขายดีก็มีถึง 25 ตัน ถั่วเป็นวัตถุดิบที่เอามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์โก๋แก่ที่ตลาดคุ้นเคย” พร้อมกับการบอกเล่าเรื่องธุรกิจ จุมภฏเผยว่า ล่าสุดทางครอบครัวเริ่มคิดเรื่องธรรมนูญครอบครัว วางอนาคตเกี่ยวกับกฎระเบียบในการบริหารกิจการ และการทำงานต่างๆ มีความชัดเจนขึ้น กิจการจะส่งต่อโดยคนในครอบครัวโดยไม่ผ่านสะใภ้หรือเขย เน้นธุรกิจเติบโตและกิจการมีคุณภาพ

    จากวันเริ่มต้นต้องบอกว่าบิดาปูทางมาอย่างดี ส่วนพวกเขารุ่นลูกก็รับไม้ต่อมาแบบเจเนอเรชั่น 2 นับจากวันแรกที่โรงงานโก๋แก่ก่อตั้งธุรกิจเดินทางมายาวนานกิจการก็เติบโตในระดับที่น่าพอใจ จุมภฏในฐานะบุตรชายคนโตของครอบครัวเขาทุ่มเททั้งการทำงานในฐานะแม่ทัพแบรนด์โก๋แก่และแม่ทัพโก๋ฟิล์มในฐานะคนทำหนังด้วยแพสชั่นส่วนตัว ความสุขในการใช้ชีวิต การทำงานที่ผสานกลมกลืนอย่างเรียบง่ายในสไตล์ที่เป็นส่วนตัวไม่เหมือนใคร เช่นเดียวกับสไตล์หนังที่เขาทำเรื่องล่าสุด “Resemblance ปรากฏการณ์” ภาพยนตร์แนว Sci-Fi Erotic เป็นความชอบและอรรถรสส่วนตัวที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร


ผลงานภาพยนตร์ โก๋ฟิล์ม 


ปี 2552

    หนังสั้น มันส์ทำเรื่อง (Mun...Z Happen!) ปี

        “ช่องว่าง” (Space)

        “ถึงคุณเมย์” (To May)

        “เส้นชัย” (Finish Line)

        “เท่ห์โคตร” (So Cool)

        “ยาพิษ” (Poison)

ปี 2557  

    หนังสั้นไตรภาค

        “เหยื่อ” (Victim หรือ Sur-Real ชื่อในการประกวด)

        “ใต้ดิน” (Underground หรือ Sur-Luck ชื่อในการประกวด) “ความรักทำให้ฝรั่งตาบอด” (Love is Blindness หรือ Sur-Love ชื่อในการประกวด)

    ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า


รางวัลที่ได้รับจากงานภาพยนตร์


    - Gold Award Winner จาก Documentary & Short International Movie Award 2015 (Jakarta อินโดนีเซีย)

    - Best Foreign Film Nominated จาก Sanford international Film Festival 2015

    - Winner Best Comedy Scene, Best Foreign Film 11th Annual Action On Film International Film Festival and Writers’ Event 2015 (California, สหรัฐอเมริกา)

    - Rugged Phoenix Underground Film Festival 2015, สหรัฐอเมริกา


FORBES FACTs


    • จุมภฏ รวยเจริญทรัพย์ หรือต้นโก๋แก่ เป็นคนที่ใช้ชีวิตง่ายๆ ทำในสิ่งที่ชอบโดยไม่ยึดติดกับค่านิยมสังคมมากนัก ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองชอบเป็นหลัก

    • งานศิลปะที่จุมภฏชื่นชอบมีสองอย่างหลักๆ คือ การวาดรูป และสร้างภาพยนตร์ ซึ่งคนที่ทำให้เขาสนใจภาพยนตร์คือบิดาที่พาเขาชมภาพยนตร์ตั้งแต่เด็ก

    • ค่ายหนัง “โก๋ฟิล์ม” ของจุมภฏเน้นทำหนังสั้น เรื่องแรกในโครงการ“มันส์...ทำเรื่อง!” เมื่อปี 2552 และโครงการ “ดู มันส์ ทำ”

    • จุมภฏเป็นผู้อุปถัมภ์นักสร้างภาพยนตร์ไทยนอกกระแสที่มีชื่อเสียง อาทิ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล, ลี ชาตะเมธีกุล

 

    อ่านเพิ่มเติม : "ออริจิ้น" กวาดยอดขายบ้าน-คอนโด Q2/66 ทำนิวไฮ 12,400 ล้านบาท หนุนครึ่งปีหลังโกยยอดทะลุ 24,000 ล้านบาท

    คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine