คาร์กิลล์ สานต่อโครงการ Smart Farming ผลักดันชาวนาไทยให้มีศักยภาพการเกษตรแบบยั่งยืน - Forbes Thailand

คาร์กิลล์ สานต่อโครงการ Smart Farming ผลักดันชาวนาไทยให้มีศักยภาพการเกษตรแบบยั่งยืน

FORBES THAILAND / ADMIN
18 Jul 2023 | 04:00 PM
READ 987

    คาร์กิลล์ บริษัทอาหารและเกษตรชั้นนำระดับโลก สานต่อโครงการ Smart Farming ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Cargill Cares การส่งเสริมการปลูกข้าวแบบปลอดภัย คือ ความใส่ใจจากคาร์กิลล์” ซึ่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ผ่านความร่วมมือกับฟาร์มมหาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และมหาลัยบูรพา (วิทยาเขตสระแก้ว) ช่วยพัฒนาชุมชนเกษตรกรด้วยการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปลูกข้าวอย่างยั่งยืน เพื่อผลักดันศักยภาพของอุตสาหกรรมการเกษตรไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง

    ปีนี้ คาร์กิลล์ เป็นเจ้าภาพจัดงาน พิธีมอบเมล็ดพันธุ์ข้าว (Grain Handover Ceremony) ให้แก่เกษตรกร โดยเป็นการสานต่อความร่วมมือกับฟาร์มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและมหาวิทยาลัยบูรพา (วิทยาเขตสระแก้ว) เพื่อส่งมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีแก่ชาวนาไทยในจังหวัดนครราชสีมา และสระบุรี โดยความร่วมมือในครั้งนี้เปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพสูง เปี่ยมไปด้วยศักยภาพในการให้ผลผลิต และสามารถต้านทานต่อโรคและศัตรูพืช พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ควบคู่กับวิถีการทำนาแบบดั้งเดิมเพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตพืชผลทางการเกษตรให้มีผลผลิตที่ปลอดภัย โดยมีการจัดการทรัพยากรดิน น้ำ และแร่ธาตุให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม

    โครงการ Smart Farming ของคาร์กิลล์ จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เพื่อสะท้อนถึงการให้ความมุ่งมั่นในการส่งเสริมแนวทางการทำการเกษตรแบบยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย และด้วยความเข้าใจถึงปัญหาเชิงลึกของเกษตรกรบริเวณใกล้เคียง โรงงานที่ต้องอาศัยน้ำบาดาลเป็นส่วนใหญ่ในการทำการเกษตรทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำบ่อยครั้ง 


    โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง คาร์กิลล์ จึงส่งเสริมให้เกษตรกรที่อยู่บริเวณใกล้เคียงโรงงานคาร์กิลล์ให้สามารถใช้น้ำบำบัดจากโรงงานของคาร์กิลล์ได้ โดยเกษตรกรสามารถจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่ประมาณ 6,200 ไร่ พร้อมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อจัดอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกร ให้มีองค์ความรู้สำหรับการจัดการทรัพยากรเพื่อการเพาะปลูกอย่างเหมาะสม และสามารถปรับใช้เทคโนโลยีในการทำการเกษตร สู่การเพิ่มผลิตผลและสามารถทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน ความร่วมมือในครั้งนี้ คาร์กิลล์ มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย 4 ประการ ได้แก่

    การปรับปรุงการจัดการดินและน้ำ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 6,200 ไร่ ให้มีความสมบูรณ์
การเพิ่มผลผลิตของเกษตรกรให้สูงขึ้น 20 - 30% จากเดิมผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 550 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 800 กิโลกรัมต่อไร่

    การช่วยลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ พร้อมส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนของเกษตรกรและครอบครัว มากกว่า 1,200 คน

    การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนในมูลค่ากว่า 24 ล้านบาท โดยเปรียบเทียบจากมูลค่าผลผลิตของเกษตรกรก่อนและภายหลังการสนับสนุนด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยีทางการเกษตร และเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กับเกษตรกร

    สุเกียรติ กิตติธรรมโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายภาพลักษณ์และองค์กรสัมพันธ์ บริษัท คาร์กิลล์สยาม จำกัด กล่าวว่า “คาร์กิลล์ เดินหน้าส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรและสังคมไทย ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาในหลากหลายมิติ ภายใต้โครงการ Smart Farming และในปีนี้ คาร์กิลล์ ขยายการสนับสนุนโครงการสู่พื้นที่อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา และอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เกษตรกรรมอย่างน้อย 6,200 ไร่ ผ่านความร่วมมือกับฟาร์มมหาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และมหาลัยบูรพา (วิทยาเขตสระแก้ว) ร่วมส่งมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีและเหมาะสมต่อการเพาะปลูกในพื้นที่ให้แก่เกษตรกร พร้อมมอบองค์ความรู้ด้านการเกษตรและเทคโนโลยี เพื่อยกระดับคุณภาพและเพิ่มปริมาณผลผลิตในการผลิตข้าวไทย ควบคู่กับการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน”

    ศาสตราจารย์ ดร. หนึ่ง เตียอำรุง คณบดีสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวว่า “ฟาร์มมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินกิจกรรมของโครงการ โดยใช้การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีสมัยใหม่กับวิถีการปลูกข้าวแบบดั้งเดิมให้ควบคู่กันไป เกษตรกร/ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการฝึกอบรมโดยอาจารย์ นักวิจัย ที่มีความรู้ด้านการปลูกข้าวโดยตรง และนำเครื่องมือสมัยใหม่มาฝึกอบรมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจพื้นที่เกษตรก่อนทำหรือหลังทำ การหว่านเมล็ด การพ่นสารอาหารพืช ปีนี้เกษตรกรส่วนใหญ่ได้ฝึกปฏิบัติจริงจากการฝึกอบรม ซึ่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติอยู่แล้ว ดังนั้น ภารกิจที่สำคัญของเรา คือ นำความรู้ด้านเทคโนโลยี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องลงไปสู่ชุมชนได้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง”

    ดร. สิริเชษฐ์ รัตนะชิตธวัช คณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาลัยบูรพา (วิทยาเขตสระแก้ว) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 3 ปี มหาวิทยาลัยบูรพา (วิทยาเขตสระแก้ว) ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวแบบปลอดภัย ด้วยการนำหลักวิชาการด้านเกษตรมาเชื่อมโยงกับสังคมและชุมชน ทีมอาจารย์ของมหาวิทยาลัยบูรพา (วิทยาเขตสระแก้ว) ดำเนินกิจกรรมตามองค์ความรู้ที่จะสามารถพัฒนาเกษตรกรในระยะยาวได้ และให้เกิดการเรียนรู้ในชุมชนหรือสังคมในพื้นที่ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างคนในชุมชน หรือสังคม มหาวิทยาลัยบูรพา (วิทยาเขตสระแก้ว) ยินดีเป็นอย่างมากที่เราได้เข้าไปมีส่วนทำให้เกษตรกรมีการพัฒนาด้านการเกษตร โดยเฉพาะเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จตามที่เราคาดหวังไว้”

    ธรรมธรรศ ทองสำโรง นายอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “ผมในฐานะตัวแทนหน่วยงานราชการในพื้นที่อำเภอโชคชัย ต้องขอขอบคุณหน่วยงานทุกๆ ภาคส่วนที่ผลักดันกิจกรรมให้เกษตรกร/ชาวนาได้รับประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยบูรพา และบริษัท คาร์กิลล์มีทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ให้ความสำคัญกับอาชีพเกษตร ผมมองว่าองค์ความรู้เป็นเรื่องสำคัญต่อการพัฒนาเกษตรให้รู้เท่าทันต่อการดำเนินการเพาะปลูก ได้เรียนรู้ด้านเทคโนโลยีใหม่ ที่เกษตรกรอาจจะเข้าไปไม่ถึง โครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการตัวอย่างที่นำมาสู่มือชาวนาและเกษตรกรโดยแท้จริง ซึ่งโครงการได้ดำเนินกิจกรรมมาแล่ว 3 ปี ถือว่าชาวนาได้รับประโยชน์ ทั้งการพัฒนาทักษะวิธีการในด้านต่างๆ”

    เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือเกษตรกรไทย คาร์กิลล์ จะเดินหน้าผลักดันโครงการ Smart Farming อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรไทยสามารถทำการเกษตรอย่างยั่งยืน เพิ่มความสามารถในการผลิตพืชผลทางการเกษตรให้มีปริมาณและคุณภาพภาพที่ดี เพิ่มความสามารถในการหารายได้ พร้อมยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทย รวมถึงสร้างความมั่นคงทางอาหารเพื่อคนไทยและโลกอย่างยั่งยืน

    

    อ่านเพิ่มเติม : พานาซี เปิดโครงการ “Wealthyy Thailand เสริมสร้างเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทย” ดันธุรกิจ Wellness & Tourism สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้การท่องเที่ยวไทย

    ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine