ดิจิทัลไลฟ์ไทยส่งสัญญาณเติบโตก้าวกระโดดหลังโควิด-19 เป็นปัจจัยเร่งสร้างความคุ้นชินการจ่ายเงินไร้สัมผัส NTT DATA แนะเร่งปรับปรุงรูปแบบการจ่ายเงินสู่ e-Payment สอดรับความต้องการผู้บริโภคควบคู่การอัพเกรดเทคโนโลยีใหม่ พร้อมสนับสนุนสร้าง e-Payment eco-system นวัตกรรมการชำระเงินดิจิทัลปลอดภัย
Hironari Tomioka ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ NTT DATA (Thailand) เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่รูปแบบการใช้ชีวิตดิจิทัลไลฟ์อย่างก้าวกระโดด โดยมีโควิด-19 เข้ามาเป็นปัจจัยเร่งนำไปสู่การเจริญเติบโตของแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ทำให้เกิดการใช้จ่ายด้วยระบบการชำระเงินที่ไร้การสัมผัส หรือ Contactless Payment สำหรับการทำธุรกรรม ซื้อ จ่าย โอน ผ่าน แอปพลิเคชันต่างๆ รวมทั้ง Mobile payment, และ Prompt Pay แทนเงินสด ตลอดจน Cross-border QR Payment หรือการชำระเงินระหว่างประเทศ นอกจากนั้น ประเทศไทยยังเป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่มีการพัฒนามาตรฐานกลาง Thai QR payment ที่สามารถรองรับการชำระเงินได้หลายประเภทจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) บ่งชี้ว่ามีการใช้ e-Payment ของคนไทยในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจากธุรกรรมอินเตอร์เน็ตและโมบายแบงก์กิ้งที่ขยายตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 72 ขณะที่มีการชำระเงินผ่านพร้อมเพย์สูงสุดถึง 28.6 ล้านรายการต่อวัน ณ เดือนเมษายน 2564 ขณะที่คาดการณ์ปริมาณการใช้งาน e-Payment ในปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมาเป็นผลจากความคุ้นชินในการใช้ e-Payment ภายใต้บริบทใหม่ของคนไทยกระจายตัวออกไปมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลระดับสากลจาก Digital Global Overview Report ประจำปี 2564 ที่พบว่าคนไทยมีการทำธุรกรรมผ่าน Mobile banking เป็นประเทศแรกๆ ของโลก โดยมีปริมาณทีเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับปี 2562 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวนับเป็นโอกาสที่เกิดขึ้นในภาวะวิกฤติที่ภาคธุรกิจสามารถพลิกเกมสร้างโอกาสการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยการนำเสนอบริการที่สอดรับพฤติกรรมดิจิทัลไลฟ์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน และยิ่งไปกว่านั้นคือการสร้างประสบการณ์ที่รวดเร็วปลอดภัย อันมีผลต่อการส่งเสริมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในปัจจุบัน “การลงทุนพัฒนาระบบ e-Payment เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ควรทำทั้ง eco-system เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการสร้างนวัตกรรมการชำระเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยควรให้ความสำคัญตั้งแต่การวางโครงสร้างระบบ แผนการพัฒนาระบบ จนถึงกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการใช้งาน ที่สามารถตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง รวมไปถึงความยืดหยุ่นในการอัพเกรดระบบด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์วิถีชีวิตและการสร้างประสบการณ์จับจ่ายที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง“ Hironari กล่าวถึงความสนใจของกลุ่มอุตสาหกรรมธนาคาร สถาบันการเงิน ประกันภัย ค้าปลีก โทรคมนาคม รวมทั้งบริการ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน น้ำและไฟฟ้าต่างให้ความสำคัญและเร่งลงทุนระบบ e-Payment รองรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัสหรือไร้เงินสด เพื่อเสริมความคล่องตัวในการทำธุรกรรมมากยิ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา “สิ่งสำคัญคือการเชื่อมต่อระหว่างระบบหน้าบ้านและหลังบ้านแบบไร้รอยต่อ รวมถึงสามารถการคาดการณ์ปริมาณรองรับผู้ใช้บริการที่เหมาะสม การรักษาความปลอดภัยในข้อมูลของลูกค้าและความปลอดภัยสูงสุดของระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ สร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจและบริการ รวมทั้งความปลอดภัยในด้านข้อมูลของลูกค้า เพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบและความสูญเสียมูลค่ามหาศาลด้านภาพลักษณ์รวมถึงธุรกิจและบริการได้” อ่านเพิ่มเติม: “ดอยคำ” ส่ง “สารสกัดฟ้าทะลายโจร” นำร่องก้าวเข้าสู่ตลาดสมุนไพรเต็มรูปแบบในปี 2565ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine