คนไทยขี้เบื่อ ชอบลองเมนูใหม่! แกร็บฟู้ด ผุดกลยุทธ์ Collaborative Marketing ส่งไลน์อัพเมนูพิเศษจากร้านดังเอาใจสายกิน เพิ่มทราฟิก 2 เท่า - Forbes Thailand

คนไทยขี้เบื่อ ชอบลองเมนูใหม่! แกร็บฟู้ด ผุดกลยุทธ์ Collaborative Marketing ส่งไลน์อัพเมนูพิเศษจากร้านดังเอาใจสายกิน เพิ่มทราฟิก 2 เท่า

FORBES THAILAND / ADMIN
24 Oct 2024 | 08:49 PM
READ 113

แกร็บฟู้ด เผยคนไทยขี้เบื่อ ชอบลองเมนูใหม่ ผุดกลยุทธ์ Collaborative Marketing จับคู่ร้านฮิตติดกระแส ส่งเมนูพิเศษแบบโค-ครีเอชัน (Co-Creation Menu) เอาใจสายกินตลอดทั้งปี และช่วยต่อยอดธุรกิจและเพิ่มทราฟิกเข้าร้านได้ถึง 2 เท่า


    จิรกิตต์ กว้างสุขสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเดลิเวอรี แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “คนไทยถือเป็นชาติที่ยืนหนึ่งในเรื่องอาหารและให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องการกิน โดยเฉพาะกลุ่มเจน Y และเจน Z ที่ชอบสรรหาร้านอาหาร รวมถึงเมนูใหม่ๆ มาลิ้มลองเพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลพฤติกรรมการใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี

    โดยเราพบว่าหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผู้ใช้บริการ GrabFood ให้ความสำคัญคือ การมีตัวเลือกของร้านอาหารที่หลากหลาย รวมถึงการนำเสนอเมนูอาหารที่แปลกใหม่และน่าสนใจ

    ดังนั้น เราจึงได้พยายามส่งเสริมให้ผู้ประกอบการร้านอาหารที่อยู่บนแพลตฟอร์มพยายามพัฒนาสินค้าและเมนูใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยในแต่ละปีพาร์ทเนอร์ร้านอาหารของแกร็บได้เพิ่มเมนูใหม่ๆ เฉลี่ยมากกว่า 25% เพื่อตอบโจทย์และเอาใจผู้ใช้บริการสายกิน”

    “นอกจากการคัดสรรร้านอร่อยชื่อดังจากทั่วประเทศมาแนะนำให้ผู้ใช้บริการผ่านแฟล็กชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumsUp แล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่แกร็บบุกหนักในปีนี้ คือ การทำ Collaborative Marketing โดยจับคู่ร้านเด็ดที่มีเมนูฮิตติดเทรนด์มาร่วมมือกันสร้างสรรค์อาหารหรือเครื่องดื่มใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างและประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่หาได้เฉพาะที่แกร็บ

    โดยเราเริ่มทดลองคอนเซ็ปต์นี้มาตั้งแต่ปี 2565 ผ่านการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลบนแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มพฤติกรรมการสั่งอาหาร ยอดขายของร้านหรือเมนูที่ได้รับความนิยม ควบคู่ไปกับการจับเทรนด์ที่กำลังมาแรง โดยแกร็บทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยเชื่อมให้ร้านเด็ดแบรนด์ดังได้ผนึกความร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมหรือสินค้าใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการและถือเป็นการต่อยอดธุรกิจ


    ทั้งนี้ เราพบว่า การสร้างสรรค์เมนูพิเศษแบบโค-ครีเอชัน (Co-Creation Menu) ช่วยเพิ่มทราฟิกหรือการเข้าถึงร้านค้าบนแพลตฟอร์มได้ถึง 2 เท่า เมื่อเทียบช่วงก่อนและหลังการทำ Collaborative Marketing

    โดยตลอดทั้งปีนี้ GrabFood ได้นำเสนอเมนูพิเศษรวมกว่า 20 เมนูจากมากกว่า 30 ร้านดัง โดยได้รับเสียงตอบรับที่ดีและกระแสความนิยมจากผู้ใช้บริการอย่างล้นหลาม”

    ภายใต้กลยุทธ์ Collaborative Marketing แกร็บได้ผนึกความร่วมมือกับแบรนด์ร้านอาหารต่างๆ ใน 3 รูปแบบ คือ

    -Best Selling Alliances รวมเมนูดังขายดีแบบคูณสอง: การจับเมนูดังของสองร้านขายดีระดับแมสมาสร้างกิมมิกใหม่ โดยผสานจุดเด่นของเมนูดังจากทั้ง 2 แบรนด์เพื่อสร้างความแปลกใหม่อย่างลงตัว

    อาทิ การผนึกความร่วมมือกันของสองแบรนด์สุดปังอย่าง ซูรี (SOURI) แบรนด์ร้านขนมของ “วิน” เมธวินในสไตล์ Contemporary Patisserie ที่มีมาการองขึ้นชื่อ และ บัตเตอร์แบร์ (Butterbear) แบรนด์เบเกอร์รี่สุดไวรัลขวัญใจมัมหมี ที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งเพื่อสร้างสีสันให้วงการขนมกับการนำเสนอ ‘SOURI X Butterbear Boxset’ เพื่อเอาใจสายหวานด้วยเมนูยอดฮิตของทั้ง 2 ร้าน พร้อมเติมความน่ารักผ่านดีไซน์ Boxset แบบพิเศษที่ช่วยให้ขายดีแบบคูณสอง

    -Specialty Synergy รวมร้านเอกลักษณ์สร้างเมนูคุณภาพ: การจับแบรนด์ที่มีจุดเด่นและความเชี่ยวชาญในอาหารที่ต่างกันมาร่วมมือกัน ซึ่งช่วยสร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้าประจำและยังสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าใหม่ๆ

    อย่างเมนู “ชีสเค้กกับดิปชาไทย” จาก เลเยอร์ (Layers) ร้านขนมหวานที่มีเอกลักษณ์ของเค้กหลายเลเยอร์ไม่เหมือนใคร มาร่วมมือกับ ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน ตัวตึงในเรื่องชาเย็น
เจ้าของเมนูชาเย็นสเลอปี้ที่มาแรงที่สุดในปีนี้ 

    โดยผสานจุดแข็งและความเป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองแบรนด์มาสร้างเมนูที่ใหม่ให้กับลูกค้าได้ลิ้มรสความอร่อยที่ผสานกันอย่างลงตัว

    -Hybrid Fusion รวมพลังข้ามกลุ่มเป้าหมายขยายฐานลูกค้า: การร่วมมือของร้านมีฐานลูกค้าที่แตกต่างกัน หรือมาจากคนละวงการ

    อย่างเมนู “เบบี้เอแคลร์เมลอน” เมนูสุดไวรัลจากร้านอาฟเตอร์ยู (After You) คาเฟ่ร้านขนมสุดฮอตที่ไม่มีใครไม่รู้จักที่ร่วมมือกับ เอแคลร์จือปาก (Juepak) อินฟลูเอนเซอร์ตัวแม่ชื่อดังที่่มีผู้ติดตามหลักล้านคน ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงจะสร้างความตื่นเต้นและแปลกใหม่ให้กับวงการอาหาร แต่ยังช่วยขยายฐานลูกค้าระหว่างกันด้วย


    “สำหรับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ แกร็บฟู้ดเตรียมเปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด #GrabThumbsUp อร่อยจริง จากคนกินจริง เพื่อตอกย้ำจุดแข็งของแฟล็กชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumbsUp ที่คอยคัดสรรร้านอร่อยจากทั่วประเทศที่มีคะแนนเรตติ้งสูงและได้รับการรีวิวจากคนกินจริงมาแนะนำให้ผู้ใช้บริการ ซึ่งรวมถึงเมนูโค-ครีเอชันจากหลายแบรนด์ชั้นนำที่เตรียมทยอยเปิดตัวเพื่อเอาใจสายกิน มาพร้อมความคุ้มค่าด้วยการมอบส่วนลดคืนสูงสุดถึง 500 บาทสำหรับการสั่งอาหารในครั้งต่อไป พร้อมโปรฯ เด็ดส่งฟรีทั้งเมือง เพียงใส่โค้ด 0BAHT ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม - 24 พฤศจิกายนนี้” จิรกิตต์ กล่าวทิ้งท้าย



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘แกร็บ’ อวดฟีเจอร์ใหม่สุดล้ำ ‘Food Lockers’ ตู้ฝากอาหารเอาใจคนออฟฟิศ ‘Indoor Map’ แผนที่ในอาคารให้ไรเดอร์

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine