TikTok และ CapCut ยุติการให้บริการในสหรัฐฯ แล้ว หลังโดนแบน - Forbes Thailand

TikTok และ CapCut ยุติการให้บริการในสหรัฐฯ แล้ว หลังโดนแบน

TikTok หยุดให้บริการในสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก่อนที่คำสั่งแบนจะเริ่มมีผลบังคับใช้


    เหตุขัดข้องครั้งใหญ่ครั้งนี้ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึง TikTok ได้ โดย TikTok มีผู้ใช้งานชาวอเมริกันถึง 170 ล้านคน

    ผู้เยี่ยมชมแอปได้รับข้อความว่า “ขออภัย TikTok ไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้ กฎหมายแบน TikTok ได้รับการประกาศใช้ในสหรัฐอเมริกาแล้ว น่าเสียดายที่นั่นหมายความว่าคุณไม่สามารถใช้ TikTok ได้ในตอนนี้”

    การดำเนินการของ TikTok เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลฎีกาได้มีคำตัดสินให้คงไว้ซึ่งกฎหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคในรัฐสภา และลงนามเป็นกฎหมายในเดือนเมษายนโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน

    กฎหมายดังกล่าวป้องกันไม่ให้บริษัทในอเมริกาให้บริการเนื้อหาสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เป็นของจีน เว้นแต่ว่าบริษัทจะขายตัวเองให้กับผู้ซื้อจากสหรัฐอเมริกาหรือพันธมิตร

    แต่ TikTok อาจจะหายไปไม่นาน บริษัทบอกว่าอาจกลับมาเร็วๆ นี้ โดยอาจเร็วสุดในวันจันทร์

    “เราโชคดีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่าเขาจะทำงานร่วมกับเราเพื่อหาทางแก้ไขเพื่อนำ TikTok กลับมาใช้งานอีกครั้งเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง” บริษัทโพสต์ในข้อความป็อปอัปถึงผู้ใช้ที่เปิดแอปตั้งแต่ช่วงดึกของวันเสาร์ “โปรดติดตาม!”

    ในบทสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ NBC News เมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าเขา "มีแนวโน้มสูง" ที่จะเลื่อนการแบน TikTok ออกไปเป็นเวลา 90 วันหลังจากเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์ โดยเขายังกล่าวอีกว่าเขายังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย

    นอกใช้งานไม่ได้แล้ว ขณะนี้แอปดังกล่าวยังหายไปจาก App Store ของ Apple และ Google Play Store ด้วย รวมถึงแอปอื่นๆ ในเครือเดียวกันอย่าง CapCut ก็แสดงข้อความที่คล้ายกันในคืนวันเสาร์เช่นกัน

    สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ กล่าวว่าความสัมพันธ์ของ TikTok กับจีนและการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ

    ผู้ใช้ในสหรัฐฯ จำนวนมากบอกกับ CNN ว่าพวกเขาเตรียมรับมือกับการยุติแอปดังกล่าว ขณะที่อินฟลูเอนเซอร์และธุรกิจขนาดเล็กอื่นๆ ที่กล่าวว่าพวกเขาพึ่งพาแพลตฟอร์มนี้ในการดำรงชีพ อย่างไรก็ตาม พวกเขากล่าวว่าพวกเขามีความหวังว่าแอปจะได้รับการช่วยเหลือในทางใดทางหนึ่ง



ที่มา: TikTok shuts down in the United States hours ahead of a ban



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : พึงระวัง! ก่อนเชื่อคนสอนลงทุนบนโซเชียล รายงานเผยคอนเทนต์ 71% ไม่น่าเชื่อถือ TikTok อาการหนักสุด

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

TAGGED ON