ย้อนรอยเส้นทาง iRobot จากผู้นำหุ่นยนต์ดูดฝุ่น สู่การยื่นล้มละลาย และเตรียมเปลี่ยนเจ้าของใหม่สู่มือทุนจีน

ย้อนรอยเส้นทาง iRobot จากผู้นำหุ่นยนต์ดูดฝุ่น สู่การยื่นล้มละลาย และเตรียมเปลี่ยนเจ้าของใหม่สู่มือทุนจีน

หนึ่งในประเด็นร้อนของแวดวงธุรกิจต่างประเทศในช่วงนี้ คือประเด็นของ iRobot ผู้ผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตระกูล Roomba ได้ยื่นขอรับการคุ้มครองจากการล้มละลายตาม Chapter 11 (ของสหรัฐอเมริกา) ในสัปดาห์นี้ หลังจากต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินที่สะสมมานานหลายปี และความล้มเหลวของดีลการเข้าซื้อกิจการโดย Amazon มูลค่า 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ


    บริษัทที่มีอายุยาวนานกว่า 35 ปีแห่งนี้ เคยเป็นเจ้าตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นระดับโลก แต่ความยิ่งใหญ่กลับค่อยๆ ลดลงท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดจากคู่แข่งที่ราคาถูกกว่า และความต้องการของผู้บริโภคที่ลดน้อยลง

    นี่คือลำดับเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้บริษัทนวัตกรรมหุ่นยนต์ที่เคยรุ่งโรจน์ต้องมาถึงจุดนี้:

    • ก่อตั้งโดยนักหุ่นยนต์จาก MIT: iRobot ก่อตั้งขึ้นในปี 1990 โดยนักหุ่นยนต์สามคนจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ได้แก่ Colin Angle, Helen Greiner และ Rodney Brooks ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการทำให้ "หุ่นยนต์ที่ใช้งานได้จริงกลายเป็นความจริง"

    • จากหุ่นยนต์กู้ภัยสู่เครื่องดูดฝุ่น: ในช่วงแรก iRobot เน้นการออกแบบหุ่นยนต์เพื่อการวิจัยในอวกาศและการใช้งานทางทหาร ในปี 1998 บริษัทได้รับสัญญาจาก DARPA เพื่อสร้างหุ่นยนต์เคลื่อนที่เชิงกลยุทธ์ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนา PackBot หุ่นยนต์ที่ถูกนำไปใช้ในปฏิบัติการค้นหา ณ กราวด์ซีโร่ (Ground Zero) หลังเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11

    • การเปิดตัว Roomba: ในปี 2002 iRobot ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในตลาดผู้บริโภคด้วยการเปิดตัว Roomba หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทรงกลมที่เป็นเอกลักษณ์ ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์รุ่นต่างๆ มากมาย และมียอดขายรวมกว่า 50 ล้านเครื่องทั่วโลก

    • เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์: iRobot เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2005 ในราคา 24 เหรียญต่อหุ้น โดยใช้ชื่อย่อใน Nasdaq ว่า IRBT ภายในปี 2013 บริษัทสามารถจำหน่ายหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านไปได้มากกว่า 10 ล้านเครื่อง

    • รายได้สูงสุดก่อนขาลง: บริษัททำรายได้ต่อปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2021 ที่ 1.56 พันล้านเหรียญ แต่หลังจากนั้นยอดขายก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งสัญชาติจีน เช่น Dreame, Roborock และ Ecovacs รวมถึงแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง Shark และ Samsung

    • ดีลล่มกับ Amazon: ในปี 2022 Amazon ตกลงที่จะซื้อ iRobot ในราคาหุ้นละ 61 เหรียญด้วยเงินสด แต่ดีลนี้ล่มลงในอีกสองปีต่อมา เนื่องจากไม่สามารถผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหภาพยุโรปได้ ในวันเดียวกับที่ประกาศยกเลิกการควบรวมกิจการในเดือนมกราคม 2024 iRobot ได้ปลดพนักงานออกถึง 31% และ Colin Angle ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง

    • สัญญาณเตือนภัย: ในรายงานผลประกอบการเดือนมีนาคม 2025 iRobot ออกมายอมรับว่ามีความสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับความสามารถของบริษัทที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และพยายามหาผู้ซื้อรายใหม่แต่ก็ไม่สำเร็จ โดยผู้ซื้อรายสุดท้ายที่เหลืออยู่ได้ถอนตัวออกไปหลังจากเจรจากันมาอย่างยาวนาน

    • การยื่นล้มละลายและการเริ่มต้นใหม่: iRobot ยื่นล้มละลายเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2025 โดยระบุว่า Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักและเจ้าหนี้รายใหญ่ในจีน จะเข้าซื้อกิจการผ่านกระบวนการที่ศาลดูแล ซึ่งจะทำให้ iRobot กลายเป็นบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Company)

    ทั้งนี้ iRobot คาดการณ์ว่าจะยังคงดำเนินกิจการตามปกติ และยืนยันว่าแอปพลิเคชันรวมถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์จะยังคงใช้งานได้ต่อไป เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและพันธมิตรทั่วโลก



แปลและเรียบเรียงจาก iRobot filed for bankruptcy: How the Roomba maker got here



ภาพ: Photo by JUSTIN SULLIVAN / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / GETTY IMAGES VIA AFP



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เดิมพันทุกครั้งให้ชนะ! วิถีของ James Cameron จาก Terminator, Titanic ถึง Avatar สู่ผู้กำกับมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine