ตลาดสมาร์ทวอทช์เดือด! หลัง Huawei เปิดตัว Watch GT 5 ท้าเขย่าบัลลังก์ Apple - Forbes Thailand

ตลาดสมาร์ทวอทช์เดือด! หลัง Huawei เปิดตัว Watch GT 5 ท้าเขย่าบัลลังก์ Apple

Huawei Technologies บริษัทไอทีชั้นนำจากจีนที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Apple ในตลาดสมาร์ทโฟนระดับโลกมาโดยตลอด ล่าสุดได้ยกระดับการแข่งขันให้ยิ่งทวีความดุเดือดหลังเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ซีรีส์ใหม่ล่าสุดในจีนและยุโรป


    ในงานอีเวนต์ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Huawei ได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ (Smartwatch) รุ่นใหม่ล่าสุด Watch GT 5 Series ในราคาเริ่มต้น 1,488 หยวน (ราว 212 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 6,800 บาท) โดดเด่นด้วยการออกแบบที่บางลงกว่าเดิม อัปเกรดตัวรับสัญญาณ และพัฒนาอัลกอริทึมเพื่อให้การตรวจจับตำแหน่งมีความแม่นยำยิ่งขึ้น แบตเตอรี่สามารถคงอยู่ได้นานถึงสองสัปดาห์เมื่อชาร์จเต็ม มาพร้อมระบบติดตามสุขภาพ TruSense ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจและออกซิเจนในเลือด รวมถึงระบบติดตามสุขภาพเฉพาะสำหรับสุภาพสตรีและระบบติดตามสุขภาวะทางอารมณ์



    ก่อนหน้านั้น Huawei ได้เปิดตัว Watch GT 5 Series บนเวทีนานาชาติก่อนแล้ว ในราคา 249 ยูโร (ราว 279 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 9,000 บาท) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ระบบติดตามสุขภาวะทางอารมณ์จะไม่เปิดให้ใช้งานในยุโรป

    การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้สะท้อนความพยายามในการสร้างรายได้จากกกระแสความต้องการสมาร์ทวอทช์คุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้นในปี 2024 ของ Huawei แม้จะถูกสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำก็ตาม

    รายงานของบริษัทวิจัย IDC เผยว่า ในตลาดอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือทั่วโลก (Wrist-Worn Device) ซึ่งรวมสมาร์ทวอทช์ (Smartwatch) และสายรัดข้อมือ (Wristband) นั้น Huawei คือผู้เล่นมาแรงอันดับ 1 ในไตรมาส 2 ของปี 2024 นี้ด้วยยอดจัดส่งสินค้า 8.9 ล้านหน่วย และส่วนแบ่งการตลาด 20.3% โตแรง 42.1% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า



    ตลาดอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือในจีนเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสที่ผ่านมา ด้วยยอดจัดส่งสินค้า 15.5 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 10.9% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า การเติบโตดังกล่าวได้รับอานิสงส์หลักจากสมาร์ทวอทช์ที่มียอดจัดส่งสินค้า 11.1 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 18.7% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า บริษัทที่มียอดจัดส่งสินค้าอันดับ 1 คือ Huawei, อันดับ 2 คือ Xiaomi, อันดับ 3 คือ Apple และอันดับ 4 คือ Samsung



    “Huawei มีความก้าวหน้าอย่างมากในภูมิภาคต่างๆ เช่น ตะวันออกกลางและแอฟริกา ละตินอเมริกา และยุโรปกลางถึงตะวันออก” รายงานของ IDC ระบุ “นอกเหนือจากนี้ Huawei ยังเป็นผู้นำตลาดอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือของจีนมาตั้งแต่ปี 2021”

    รายงานของบริษัทวิจัย Canalys เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเผยว่ายอดจัดส่งอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือ (Wearable Band) ทั่วโลกโตขึ้น 0.2% ในไตรมาส 2 ของปี 2024

    Canalys แบ่งตลาดอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่ Basic Band, Basic Watch และ Smartwatch โดยใน Xiaomi ครองอันดับ 1 ในหมวดหมู่ Basic Band ที่ส่วนแบ่งการตลาด 40% รองลงมาคือ Huawei ที่ 23% ในขณะที่หมวดหมู่ Basic Watch นั้น Huawei พลิกขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ที่ 15% ตามด้วย Xiaomi ที่ 13%



    สำหรับหมวด Smartwatch ที่ 1 คือ Apple จาก Apple Watch ที่มีส่วนแบ่ง 49% ของยอดจัดส่งสมาร์ทวอทช์ทั่วโลกในไตรมาส 2 ส่วน Samsung อยู่ที่อันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 15% ตามด้วย Garmin อันดับ 3 ที่ 11% และ Huawei ครองอันดับ 4 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 7%

    แม้อันดับจะยังคงเป็นรองใน 2 หมวดหมู่ แต่ในส่วนอัตราการเติบโตของยอดจัดส่งประจำไตรมาส 2 นั้น Huawei กลับเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รองลงมาคือ Xiaomi และ Samsung ที่เติบโต 23% ในขณะที่ Apple มีอัตราการเติบโต -5%

    Huawei นำเสนอ Huawei Watch รุ่นแรกในเดือนกันยายนปี 2015 โดยข้อมูลของบริษัทไอทีแห่งนี้เผยว่ามีการขายผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์สวมใส่ทั่วโลกกว่า 150 ล้านชิ้นแล้วจนปัจจุบัน

    นอกเหนือจากสมาร์ทวอทช์ Huawei ก็เพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนพับ 3 ทบเครื่องแรกของโลกอย่าง Mate XT ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเลือกวันเดียวกับที่ Apple เริ่มต้นจัดจำหน่าย iPhone 16 เป็นวันแรก เสมือนเป็นการประกาศสงครามสมาร์ทโฟนกันอย่างไม่เป็นทางการ แต่ศึกนี้ใครจะอยู่ ใครจะไป ผู้บริโภคเท่านั้นคือผู้ตัดสิน


แหล่งที่มา:

Huawei heats up global smartwatch market with new GT 5 series to challenge Apple Watch

Global Wrist-Worn Device Market Ships Almost 44 Million Units in 2Q 2024, Led by China’s 10.9% YoY Growth

Global wearable band market up 0.2% in Q2 2024 as basic watches take biggest share yet


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง Visa ชี้ผูกขาดการชำระเงิน ทำราคาสินค้าพุ่ง

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine