โบลท์ (Bolt) เผยเทรนด์การ ‘ไม่เป็นเจ้าของ’ ของคนรุ่นใหม่ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องรายงานสถิติผู้ใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันโบลท์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในไทยหลังเปิดตัว
ณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการประจำโบลท์ ประเทศไทย เผยเทรนด์คนรุ่นใหม่ใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันมากขึ้น โดยอ้างอิงจากข้อมูลสถิติในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โบลท์มีการขยายช่วงระยะทางในการวิ่งงานเพิ่มมากขึ้นกว่า 19% ในขณะที่การเรียกใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 600% และเมื่อนับจากช่วงเวลาที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยครั้งแรก ยอดจำนวนผู้ใช้บริการแอปพลิเคชันโบลท์มีเพิ่มมากขึ้นถึง 800% การให้บริการโดยยานพาหนะ 4 ล้อที่ใช้งานบนโบลท์เพิ่มขึ้น 9.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี
จากผลการสำรวจต่างๆ เผยให้เห็นว่าเหตุผลที่คนทั่วโลกหันมานิยมใช้รถผ่านบริการแอปมากขึ้น สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของคนในแต่ละรุ่นอย่างชัดเจน คนยุค Baby Boomer มีมุมมองการเป็นเจ้าของบ้านหรือรถเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต เพราะเปรียบเสมือนเครื่องยืนยันการเปลี่ยนผ่านจากวัยเด็กสู่ผู้ใหญ่แบบเต็มตัว
ปัจจุบัน ทัศนคติเหล่านี้ได้เปลี่ยนไป หลังจากยุคของกลุ่ม Gen X ที่ใช้จ่ายเสริมสถานะของตัวเอง โดยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมของเหล่าดารา คนกลุ่ม millennials ให้ความสำคัญกับการซื้อประสบการณ์มากกว่าสิ่งของ ในขณะที่กลุ่ม Gen Z มองการใช้จ่ายเป็นการแสดงออกถึงตัวตน
การที่คนรุ่นใหม่มีมุมมองที่แตกต่างออกไป เนื่องจากปัจจัยกดดันอันหลากหลายในปัจจุบัน ทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบัน เช่น ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ค่าอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น หนี้การศึกษา และอิทธิพลของสมาร์ทโฟน เทรนด์การไม่เป็นเจ้าของจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในอสังหาริมทรัพย์ ความสำเร็จของบริการยานพาหนะ (ride-hailing) บริการสตรีมวิดีโอ เพลง หรือบริการแบบสมัครสมาชิกอื่นๆ
ซึ่งล้วนแต่ตอกย้ำคนรุ่นใหม่ว่าให้คุณค่าและความสำคัญกับการเข้าถึงบริการหรือสินค้าตามความต้องการของผู้บริโภคบนโลกดิจิทัล มากกว่าการเป็นเจ้าของสิ่งที่จับต้องได้
การสำรวจล่าสุดในปี 2023 ที่จัดทำโดย McKinsey เปิดเผยว่าผู้ที่มีอายุเกิน 45 ปีใช้ยานพาหนะส่วนตัวโดยเฉลี่ยสี่ครั้งต่อสัปดาห์ เทียบเป็น 49% ของผู้ที่มีอายุ 30-45 ปี และ 42% ของผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี
นอกจากนี้ การขยายตัวของสังคมเมือง การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร และการย้ายถิ่นฐานเข้ามาอาศัยอยู่ในตัวเมือง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ความต้องการต่อรูปแบบของระบบขนส่งสาธารณะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
จากการคาดการณ์ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่าภายในปี 2593 ประชากรโลก 68% จะอาศัยอยู่ในเขตเมือง เทียบกับ 55% ในปี 2561 ส่งผลให้เกิดความแออัดของการจราจร ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น พื้นที่จำกัด และปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการปล่อยมลพิษที่สูงขึ้น ทำให้ผู้คนเปลี่ยนจากการใช้รถยนต์ส่วนตัวหันมาพิจารณาทางเลือกอื่นในการเดินทางอย่างระบบขนส่งสาธารณะ หรือแอปเรียกรถมากขึ้น
และผลการสำรวจของ โบลท์ โกลบอล ที่จัดทำโดย Oliver Wyman ระบุว่าการใช้ยานพาหนะที่ใช้ร่วมกันเป็นวิธีการเดินทางที่ประหยัดกว่าสำหรับผู้ที่เดินทางในระยะทางไม่เกิน 15,000 กิโลเมตรต่อปี ข้อมูลนี้เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่ารถยนต์ในยุโรปโดยทั่วไปมีอัตราการวิ่งอยู่ที่ 11,000 กิโลเมตรต่อปี ซึ่งลดลง 1,700 กิโลเมตรเมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเข้าถึงบริการดิจิทัลมากกว่าการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทำให้มุมมองการมีรถยนต์ส่วนตัวเปลี่ยนไปจากทรัพย์สินที่มีไว้ในครอบครอง กลายเป็นสาธารณูปโภคที่สามารถเข้าถึงได้ หันมาใช้แอปพลิเคชันเรียกยานพาหนะ บริการเช่ารถแบบ car-sharing ยานพาหนะขนาดเล็ก และขนส่งสาธารณะ ช่วยลดค่าใช้จ่าย และมลภาวะ
โบลท์ ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเรียกรถระดับโลก ตระหนักถึงความสำคัญและพร้อมปรับตัวรับเทรนด์ดังกล่าว เราเชื่อมั่นในการส่งเสริมเครือข่ายการขนส่งสาธารณะที่มีอยู่อย่างไร้รอยต่อ และบริการแบ่งปันยานพาหนะ จะเป็นหนทางหลักในการเดินทางของผู้คนในอนาคต มุ่งมั่นการส่งมอบบริการให้ดียิ่งขึ้น ครอบคลุมกว่าเดิม มอบทางเลือกการเดินทางที่สะดวก สบาย หลากหลายและเข้าถึงได้ง่าย ทั้งในเรื่องของราคา ความรวดเร็ว ความปลอดภัย อีกทั้งยังส่งเสริมในเรื่องความยั่งยืน การลดมลภาวะ และสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่แออัดของคนในยุคปัจจุบันด้วย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : แกร็บลุยปั้น Only at Grab ขนทัพร้านดังสั่งได้ที่แกร็บเจ้าเดียว ชูความเอ็กซ์คลูซีฟเจาะกลุ่ม ‘ลูกค้าคุณภาพ’
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine