ไทยตกอันดับ ขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญ "ทักษะดิจิทัล" - Forbes Thailand

ไทยตกอันดับ ขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญ "ทักษะดิจิทัล"

รายงานดัชนีความคล่องตัวทางดิจิทัลของ IDC-Workday สำหรับเอเชีย-แปซิก ประจำปี 2565 (IDC-Workday Digital Agility Index Asia/Pacific 2022) ไทยตกไปอยู่อันดับ 9 พบปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญสำหรับการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น พาองค์กรขยับตัวช้า

รายงานดัชนีความคล่องตัวทางดิจิทัลของ IDC-Workday สำหรับเอเชีย-แปซิก ประจำปี 2565 (IDC-Workday Digital Agility Index Asia/Pacific 2022) พบว่าจากผลการศึกษา 9 ประเทศที่ได้รับการสำรวจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) มีระดับความก้าวหน้าด้านความคล่องตัวทางดิจิทัลที่แตกต่างกัน  โดยองค์กรไทย มีเพียงร้อยละ 9 เท่านั้นที่มีความคล่องตัวทางดิจิทัลในระดับสูง ส่งผลให้ไทยอยู่ในอันดับ 9 ตามดัชนี Digital Agility Index หรือ DAI โดยลดลงหนึ่งอันดับเมื่อเทียบกับการจัดอันดับเมื่อปี 2563 ทั้งนี้ ไทยถูกแซงหน้าโดยอินโดนีเซีย ซึ่งครองอันดับ 8 ในปีนี้ เพราะมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีที่เหนือกว่า สำหรับองค์กรที่มีความก้าวหน้าสูงสุดในแง่ของการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งครองอันดับ 1 ในปีนี้  ส่วนอันดับรองลงมาได้แก่ สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และฮ่องกง ขณะที่ไต้หวัน ซึ่งเพิ่งได้รับการเพิ่มเติมเข้ามาในปีนี้ ครองอันดับ 6 ตามมาด้วยประเทศมาเลเซีย ผลการศึกษา พบว่า องค์กรส่วนใหญ่ในประเทศไทย (ร้อยละ 91) ยังคงล้าหลังในเรื่องของความคล่องตัวทางดิจิทัล (Digital Agility) โดยจัดอยู่ในระดับที่ดำเนินการล่าช้าหรือกำลังวางแผน ซึ่งนับว่าสวนทางกับโอกาสในการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล หรือดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) และการปรับใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 ผลการศึกษาดังกล่าวยังพบอีกด้วยว่า ในแง่ของการสรรหาและดึงดูดบุคลากร ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญถือเป็นหนึ่งในปัญหาท้าทายที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรไทย และเป็นอุปสรรคต่อการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น สำหรับในระดับภูมิภาค พบว่า องค์กรใน APAC มีเพียงร้อยละ 38 เท่านั้นที่มีความคล่องตัวทางดิจิทัลระดับสูง  ซึ่งถือว่ามีการพัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 18 จุด (Percentage point) เมื่อเทียบกับปี 2563  ส่วนร้อยละ 62 ขององค์กรใน APAC ที่จัดว่าล้าหลังในแง่ของความคล่องตัวทางดิจิทัล มีการปรับใช้เทคโนโลยี โดยเป็นผลมาจากความต้องการของหน่วยงานต่างๆ และความจำเป็นทางธุรกิจ เช่น อี-คอมเมิร์ซ มาตรการด้านความปลอดภัย และการทำงานจากที่บ้านในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด

ชี้ไทยขาดแคลนทักษะดิจิทัล

ผลการศึกษาสะท้อนให้เห็นว่าการขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญในการดำเนินโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นถือเป็นปัญหาท้าทายที่สำคัญซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขในไทย โดยร้อยละ 80 ของผู้บริหารฝ่าย HR ประสบปัญหาในการกำหนดทักษะที่เหมาะสมเพื่อรองรับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และมีองค์กรไทยเพียงส่วนน้อย (ร้อยละ7) ที่มีกลยุทธ์การจัดการบุคลากรอย่างรอบด้าน ในการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของพนักงาน และใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุความจำเป็นในการฝึกอบรมเพิ่มเติม รวมถึงการพัฒนาอาชีพ เพื่อลดช่องว่างด้านทักษะความชำนาญของบุคลากร ปัจจุบันร้อยละ 61 ขององค์กรในไทยเริ่มดำเนินโครงการดิจิทัลต่างๆ ที่ระดับของสายงานธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการอย่างทันท่วงที แทนที่จะเป็นการปรับใช้แบบครอบคลุมทุกสายงานในระดับองค์กร  ในทางกลับกัน แนวโน้มดังกล่าวนับเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจ อีกทั้งมีความท้าทายในการปรับใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกันไปในแต่ละฟังก์ชั่นการทำงาน สำหรับปัญหาสำคัญที่ผู้บริหารฝ่ายไอทีกล่าวถึงได้แก่ การขาดการบูรณาการระบบต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจ (ร้อยละ 40) และความยากลำบากในการเลือกใช้โซลูชันเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อช่วยขับเคลื่อนความคล่องตัวของธุรกิจ (ร้อยละ70)  ในทางตรงกันข้าม ผู้บริหารฝ่ายการเงิน (ร้อยละ 80) ประสบปัญหาความท้าทายในการสร้างวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อให้เงินสดหมุนเวียนมีเสถียรภาพและคาดการณ์ได้ ทุกวันนี้มีองค์กรไทยเพียงร้อยละ 3 ที่จัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายโดยใช้ระบบปรับปรุงประสิทธิภาพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรและระบบนิเวศ

ฝ่ายการเงินต้องจับมือกับ HR

ในโลกวิถีใหม่ที่ถูกชี้นำด้วยระบบเศรษฐกิจดิจิทัล การใช้ประโยชน์จากความคล่องตัวทางดิจิทัลจะช่วยเพิ่มความได้เปรียบด้านการแข่งขัน ซึ่งจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อองค์กรปรับเปลี่ยนวิธีคิดและแนวทางในการลดช่องว่างด้านความคล่องตัวทางดิจิทัลโดยอาศัยเทคโนโลยีและการปรับความต้องการทางธุรกิจของแต่ละสายงานให้สอดคล้องกันในระดับของผู้บริหารระดับสูง นอกจากนี้ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่เหมาะสม องค์กรจะต้องเร่งการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น เพื่อลดช่องว่างด้านความคล่องตัวทางดิจิทัล และกำหนดแนวทางแบบบูรณาการเพื่อรองรับกลยุทธ์ในการดำเนินงาน โดยผู้บริหารฝ่ายการเงิน ฝ่าย HR และฝ่ายสารสนเทศจะต้องประสานงานร่วมกันในโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นโดยครอบคลุมหลากหลายสายงาน พร้อมทั้งบูรณาการระบบดิจิทัลสำหรับการจัดการบุคลากร รวมไปถึงระบบงานด้านการเงินและ HR “ถึงแม้จะมีความคืบหน้าอย่างมากจากการที่องค์กรต่างๆ พัฒนาไปสู่การเป็นผู้นำด้านความคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น แต่องค์กรส่วนใหญ่ในเอเชีย-แปซิฟิกยังคงล้าหลังอยู่ ความคล่องตัวเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ดังนั้นองค์กรที่มีกระบวนการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และมีทักษะด้านดิจิทัลและวัฒนธรรมการทำงานที่เหมาะสม จะมีความพร้อมมากที่สุดในการประสบความสำเร็จในโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง” สันดีป ชาร์มา ประธานประจำภูมิภาคเอเชียของ Workday ให้ความเห็น ขณะที่ ลอเรนซ์ ชอก รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นของ IDC กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้องค์กรจำนวนมากต้องรีบเร่งปรับเปลี่ยนการดำเนินงานสู่ดิจิทัล  ด้วยเหตุนี้จึงมีการปรับใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ความคล่องตัวทางดิจิทัลที่แท้จริงเป็นเรื่องของการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสท่ามกลางสภาพความเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยองค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องถอดบทเรียนจากผู้นำด้านความคล่องตัว และดำเนินการปรับเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์อย่างครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร ทั้งในส่วนของวัฒนธรรม บุคลากร กระบวนการ และการปรับใช้เทคโนโลยี รายงานดัชนีความคล่องตัวทางดิจิทัลของ IDC-Workday สำหรับเอเชีย-แปซิก ประจำปี 2565 (IDC-Workday Digital Agility Index Asia/Pacific 2022) ได้รับการจัดทำร่วมกับ IDC โดยมุ่งเน้นการสำรวจความก้าวหน้าขององค์กรต่างๆ ในเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) ในส่วนที่เกี่ยวกับความคล่องตัวทางดิจิทัลนับตั้งแต่ที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 การศึกษาดังกล่าวเริ่มต้นเป็นครั้งแรกในปี 2563 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อประเมินและจัดอันดับองค์กรต่าง ๆ ตามดัชนี Digital Agility Index (DAI) จากคะแนนที่ได้รับ องค์กรจะถูกระบุว่าอยู่ในกลุ่ม “ผู้นำด้านความคล่องตัว” (Agility Leaders) ถ้าหากองค์กรนั้น ๆ จัดอยู่ในระดับที่มีความคล่องตัว/มีการบูรณาการที่ดี  แต่ถ้าหากอยู่ในระดับที่ดำเนินการล่าช้า/กำลังวางแผน ก็จะจัดอยู่ในกลุ่ม “ผู้ตามด้านความคล่องตัว” (Agility Followers อ่านเพิ่มเติม: กสิกรไทย รุกธุรกิจธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค AEC+3
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine