ดีแทค จับมือ อาซีฟา รุกนำเทคโนโลยี 5G คลื่น 26 GHz สู่กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและโรงงาน หรืออาคารที่ใช้ไฟฟ้าในธุรกิจขนาดใหญ่ด้วยรูปแบบ “5G โซลูชันบริหารพลังงานระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Energy Management)”
ราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “เราได้ร่วมมือกับอาซีฟาในการทำเทคโนโลยี 5G คลื่น 26 GHz หรือ Millimeter wave (mmWave) สู่การพัฒนา 5G โซลูชันบริหารพลังงานระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Energy Management) ร่วมกันโดยมีแนวคิดที่จะนำ 5G ไปขับเคลื่อนภาคธุรกิจต่างๆ ซึ่งดีแทคมีแผนที่จะพัฒนาโซลูชันที่นำจุดเด่นของ 5G รองรับให้ครบทั้ง mMTC, eMBB และ URLLC นอกจากนี้ยังผสมผสานจุดเด่นของการใช้ 5G FWA ในการทำงานร่วมกันทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและภาคธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศ ภายใต้นโยบายประเทศไทย 4.0 ของภาครัฐดังนั้นรูปแบบที่ได้ร่วมกับอาซีฟาจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญยิ่งของภาคอุตสาหกรรมต่อไปในอนาคต รวมทั้ง เชื่อว่าจะสามารถต่อยอดได้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อให้เกิดการนำ 5G มาขับเคลื่อนประเทศร่วมกัน” ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือการทำธุรกิจขนาดใหญ่จะต้องมีการใช้อุปกรณ์เครื่องจักร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์จำนวนมาก ดังนั้นกระแสไฟฟ้าจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนระบบต่างๆ ในเดินหน้าเพื่อกระบวนการผลิต ธุรกิจขนาดใหญ่ ดังนั้น “5G โซลูชันบริหารพลังงานระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Energy Management)” จะมาช่วยป้องกันและแก้ปัญหาหรือลดความเสียหายที่เกิดจากกระแสไฟฟ้า เช่น ไฟฟ้าตก ไฟฟ้าเกิน ไฟฟ้ากระชาก หรือไฟฟ้าดับ เป็นต้น ทั้งนี้ การไฟฟ้าฯ ได้ให้ข้อมูลปัญหาไฟฟ้า* ที่ทำให้เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้าในโรงงานเกิดความเสียหาย อาจได้รับปัญหาจากแรงดันตกชั่วขณะเป็นปัญหาคุณภาพไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันส่งผลกระทบกับผู้ใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามปัญหาแรงดันตกชั่วขณะสามารถป้องกันหรือแก้ไขได้ สำหรับพัฒนา 5G โซลูชันบริหารพลังงานระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Energy Management) จะมีส่วนประกอบของ Smart MDB คือ การนำ IoT ที่เชื่อมต่อด้วย 5G เข้าไปช่วยเพิ่มความสามารถให้ตู้ MDB หรือ Main Distribution Board ซึ่งเป็นตู้ที่ใช้ควบคุมระบบไฟฟ้าหลักของโรงงานและอาคารต่างๆ ให้สามารถส่งข้อมูลที่สำคัญต่างๆ มารวมศูนย์ที่แอปพลิเคชันได้แบบเรียลไทม์ ให้ผู้ใช้งานบริหารการใช้ไฟฟ้าได้เหมาะสม และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นรวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากับระบบไฟฟ้าที่จะส่งผลให้ธุรกิจหยุดชะงัก ซึ่งแนวทางการวิเคราะห์ ตรวจสอบคุณภาพไฟฟ้า แนวโน้มการใช้พลังงานไฟฟ้า และการแจ้งเตือนเมื่อมีเหตุฉุกเฉินด้วยเทคโนโลยี 5G ที่รองรับ Massive IoT เช่น อุณหภูมิความร้อนภายในตู้ MDB ความชื้น การตรวจจับความเคลื่อนไหว การตรวจจับควัน การวัดการปิดเปิดประตูของตู้ MDB เป็นต้น นอกจากการทดสอบ 5G โซลูชันบริหารพลังงานระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ ร่วมกับอาซีฟาแล้ว ดีแทคยังร่วมพัฒนาในส่วนของ 5G FWA หรือ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงประจำที่ ในส่วนของอาคารและโรงงานของอาซีฟาเพื่อพัฒนาสู่รูปแบบการใช้งานในเฟสอื่นๆ ร่วมกันต่อไป ด้าน ไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นในส่วนของการพัฒนาสู่โซลูชันให้แก่กลุ่มธุรกิจ สาธารณูปโภค อุตสาหกรรม เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างนวัตกรรมระบบบริหารจัดการพลังงาน เพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถส่งมอบบริการให้แก่ผู้บริโภคขององค์กรได้ดำเนินกิจกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ โรงงาน และอาคาร ซึ่งให้ความสำคัญต่อการบริหารพลังงานไฟฟ้าจากตู้ MDB หรือ Main Distribution Board เพราะเป็นตู้ที่ใช้ควบคุมระบบไฟฟ้าหลักจากที่การไฟฟ้าฯจ่ายกระแสไฟเข้าสู่โรงงานหรือองค์กรธุรกิจ ดังนั้น ถ้าตู้ MDB ขัดข้องจะต้องแก้ไขทันทีมิเช่นนั้นจะมีผลเสียรุนแรง ทั้งทำให้ระบบไฟฟ้าในโรงงานมีปัญหาส่งผลต่อผลผลิตทันที และบางกรณีอาจจะมีเหตุฉุกเฉินจึงต้องมอนิเตอร์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง การมีระบบ Monitoring ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดปัญหาต่างๆ และใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างคุ้มค่าและยั่งยืน” ทั้งนี้ ดีแทคยังเตรียมแผนที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมและพันธมิตรต่างๆ ให้ทดสอบและใช้งาน 5G คลื่น 26 GHz ใน use case รูปแบบต่างๆ อีกมากมาย อาทิ โซลูชันบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ (Smart Water Management) ระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ (Smart Security) เซ็นเซอร์คลังสินค้า (Warehouse Sensors) ระบบแจ้งเตือนผล (Intelligent Report) ระบบติดตามรถยนต์ (Smart Tracking – Vehicle) และ ระบบเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) เป็นต้น อ่านเพิ่มเติม: “ธุรกิจโลจิสติกส์” ขุมทรัพย์ความยั่งยืนเศรษฐกิจไทยไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine