บลูบิค ขยายธุรกิจสู่เวียดนาม ปักหมุดยุทธศาสตร์รายได้จากต่างประเทศ - Forbes Thailand

บลูบิค ขยายธุรกิจสู่เวียดนาม ปักหมุดยุทธศาสตร์รายได้จากต่างประเทศ

FORBES THAILAND / ADMIN
10 Jan 2023 | 12:56 PM
READ 1842

บลูบิค สยายปีกขยายธุรกิจเวียดนาม ปักหมุดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญสร้างรายได้ต่างประเทศ รับดีมานด์เทคฯ ทะลัก หลังรัฐบาลเวียดนามประกาศเร่งเครื่องสนับสนุนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันจริงจัง


    บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน แบบครบวงจร เดินเกมรุกต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศ ล่าสุดจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม รับความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเติบโตสูง หลังรัฐบาลเวียดนามประกาศแผนพัฒนา Digital Transformation อย่างจริงจัง พร้อมผลักดันการใช้งานระบบเครือข่าย 5G ภายในปีหน้า

    บริษัทฯ สบช่องเห็นโอกาสรับงานต่อเนื่อง ผนวกกับอัตราบุคลากร Tech Talent ของหน่วยงาน Digital Delivery จาก MFEC เข้ามาเสริมทัพ จึงปักหมุดเวียดนามเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ โดยตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ในปี 2566

    พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า ในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างก้าวกระโดด บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญในการขยายฐานลูกค้าผ่านการทำตลาดทั้งแบบแนวตั้งที่มุ่งขยายฐานลูกค้าขนาดใหญ่สู่ขนาดกลาง และแบบแนวนอนด้วยการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ ผ่านการให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น

    ซึ่งจะเห็นว่าในหนึ่งปีที่ผ่านมา บลูบิคมีการขยายตลาดสู่ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในประเทศอังกฤษ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย จนมาถึงประเทศเวียดนาม

    โดยเวียดนามเป็นประเทศที่กำลังถูกจับตามองจากนักลงทุนทั่วโลก สะท้อนผ่านจำนวนเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่อยู่ระดับสูง อีกทั้งภาพรวมของเศรษฐกิจเวียดนามยังคงเติบโตท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดย GDP ของประเทศเวียดนามในปี 2565 เติบโตถึง 8.02%

    นอกจากนี้ การสนับสนุนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันจากภาครัฐที่มีเป้าหมายนำเทคโนโลยีและดิจิทัลเข้าไปพัฒนาระบบของทุกอุตสาหกรรม รวมถึงการขยายเครือข่ายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตระดับครัวเรือนให้ครอบคลุม 80% ของประเทศนั้นจะเป็นกลไกสำคัญที่กระตุ้นให้ความต้องการนำเทคโนโลยีไปใช้งานทั้งภาครัฐและเอกชนในเวียดนามเป็นไปอย่างน่าสนใจ

    “บริษัทฯ ได้ทำศึกษาโอกาสทางธุรกิจในประเทศเวียดนาม ผ่านการรับงานในโครงการออกแบบสถาปัตยกรรมระบบให้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง จึงพบว่าประเทศเวียดนามยังมีความต้องการในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันอีกมากจากปัจจัยสนับสนุนของภาครัฐและภาคเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสของบริษัทฯ ในการเข้าไปจับตลาดในประเทศเวียดนาม



    โดยเฉพาะบริการส่วนงานด้านพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งอยู่ภายใต้หน่วยงาน Digital Excellence & Delivery โดยเชื่อว่า บริษัท บลูบิค (เวียดนาม) จำกัด ที่เพิ่งจัดตั้งไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2565 อีกทั้งการเข้าซื้อหน่วยงาน Digital Delivery ของ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาจะสามารถรองรับความต้องการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี” พชร กล่าว

    จากประสบการณ์การทำงานระดับสากลของบลูบิคที่ผ่านมา ผนวกกับจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นจาก 350 คน เป็น 780 คน หลังบรรลุผลสำเร็จตามแผนการควบรวมกิจการ 2 บริษัทเทคฯ ขนาดใหญ่ช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้แก่ หน่วยธุรกิจของ MFEC ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และดิจิทัลแพลตฟอร์มและบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด (Innoviz Solutions) ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการวางระบบ Microsoft Dynamics 365 -RP อันดับหนึ่งของไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการให้บริการและรุกตลาดเวียดนามอย่างจริงจัง

    การขยายธุรกิจในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้จากตลาดต่างประเทศของบริษัทฯ ที่คาดว่าจะมีสัดส่วน 10-20% ของรายได้รวมในปี 2566

    สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2565 (YoY) บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 425 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 115% และมีกำไรสุทธิแตะ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 119% โดยมีรายได้จากต่างประเทศมากกว่า 42 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนราว 10% ของรายได้รวม

    ซึ่งการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้ง 3 ไตรมาส ผนวกกับยอดรอรับรู้รายได้จากแบ็คล็อก (Backlog) สะสมอีก 431 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ และความสำเร็จจากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ 3 ปี ที่ต้องการเติบโตอย่างน้อยปีละ 70% อย่างต่อเนื่อง


อ่านเพิ่มเติม: เปิดกลยุทธ์ “CPANEL” เจาะลึกดีไซน์พร้อมดันยอดนิวไฮต่อเนื่อง



ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine