เปิดผลสำรวจกับ WorkVenture ที่ปรึกษาและผู้นำด้านการสร้างแบรนด์นายจ้างให้กับบริษัทชั้นนำในไทย กับคำถามว่าใครเป็นสุดยอดนายจ้างในดวงใจของคนทำงานรุ่นใหม่ ประจำปี 2567 ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งที่ 6 แล้วที่ WorkVenture ได้จัดทำผลสำรวจนี้ขึ้นเพื่อรับฟังเสียงคนทำงานรุ่นใหม่ ว่าพวกเขามีความคิดต่อการทำงาน องค์กร และมีค่านิยมของการทำงานอย่างไร
ดังนั้นผลสำรวจนี้ จึงแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในรอบปีที่ผ่านมาของนายจ้างในตลาดแรงงานไทย ว่าโดยรวมแล้วมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน มีการพัฒนาที่ทำงานให้เหมาะสมกับตลาดแรงงานที่เปลี่ยน GEN คนทำงานไปเรื่อยๆ หรือไม่ มุมมองจากภายนอกและภายในองค์กรสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด เพราะนั่นเป็นสิ่งสะท้อนที่สร้างการรับรู้ให้กับเหล่าคนทำงานที่กำลังมองหาที่ทำงานใหม่ในปัจจุบัน
รอบนี้ WorkVenture ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยยังคงมุ่งเป้าไปที่คนรุ่นใหม่และกลุ่มคนที่เริ่มงานช่วงแรก อายุระหว่าง 22-35 ปี ที่จบระดับปริญญาตรีขึ้นไป อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กว่า 11,452 คน ผ่านคำถามที่ให้อิสระทางความคิดเพื่อให้ผู้ตอบคำถามสามารถตอบได้อย่างปราศจากการชี้นำ ว่าบริษัทที่คุณอยากร่วมงานด้วยที่สุดคือใครและเพราะอะไร
จากการวิเคราะห์ของ WorkVenture พบว่าภาพรวมของปีนี้บริษัทขนาดใหญ่สัญชาติไทยยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จากการปรับตัวทั้งในเรื่องของสถานที่ทำงานและรูปแบบการทำงาน รวมถึงความเข้าใจในวัฒนธรรมการทำงานของคนไทยที่ทำให้พัฒนานโยบายด้านทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างตรงจุด ทำให้บริษัทกลายเป็นที่รู้จักในฐานะองค์กรที่น่าทำงานด้วยมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่น้อยหน้าไปกว่าบริษัทจากต่างประเทศ ที่เคยถูกมองว่าให้ประสบการณ์การทำงานที่ว้าวกว่า แต่ผลสำรวจของปีนี้กลับเป็นว่าไม่ใช่อย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว
ในปีที่ผ่านมาองค์กรต่าง ๆ ยังมีการปรับตัวและการแข่งขันในเรื่องการเข้าหาและรับฟังเรื่องราวการทำงานของคนเจน Z ซึ่งกำลังก้าวเข้ามาเป็นประชากรที่เกือบจะครึ่งหนึ่งของหลายๆ องค์กร พนักงานกลุ่มนี้มีแนวโน้มการทำงานที่มองตนเองเป็นสำคัญมากขึ้น เลือกในสิ่งที่ตนเองอยากทำจริงๆ และมองหาความหมายในงานเหล่านั้น
ทำให้พนักงานกลุ่มนี้ไม่ลังเลเลยที่จะเปลี่ยนงานไปสู่สิ่งที่ตนเองมองว่าดีกับตัวเองมากกว่า และมีการเลือกงาน รวมถึงการพูดคุยทาง Social Media เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานก่อนที่จะตัดสินใจเลือกงาน
กล่าวได้ว่าผลตอบแทนเพียงอย่างเดียวจึงไม่สามารถจูงใจให้พนักงานเจน Z อยู่ในองค์กรได้
แต่ต้องมีการพูดถึงบริษัทในทางที่ดี มีสวัสดิการที่ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์และให้ความเป็นตัวเองมากขึ้น อีกทั้งการได้รับมอบหมายงานที่มีความเป็นรูปธรรมให้เห็นว่าผลสำเร็จของงานที่ทำเป็นส่วนใดของภาพใหญ่ของบริษัท จะยิ่งทำให้คนกลุ่มนี้มีความภูมิใจและเลือกอยู่กับองค์กรต่อ
นอกจากนั้น บริษัทที่มีกลุ่มงานที่หลากหลายกลายเป็นที่สนใจเช่นกัน ด้วยความหวังว่าเมื่อเราเริ่มงานใหม่เราอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองมีความชอบหรือความถนัดด้านใด แต่หากเลือกทำงานในบริษัทที่มีห่วงโซ่ที่ครอบคลุมหลายด้าน จะเปิดโอกาสให้ได้ลองเรียนรู้และลงมือทำหลายสิ่ง หรืออาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงหรือย้ายสายงานภายในองค์กร คนรุ่นใหม่ไม่ได้ยึดติดกับสิ่งที่ตนเองเรียนมามากเท่าพนักงานในอดีต แต่พร้อมที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่แตกต่างจากสาขาที่ตนเองเรียนอีกด้วย
หากบริษัทเปิดโอกาสให้ลองข้ามสายงานหรือเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติมเพื่อค้นหาตัวตนโดยไม่มีประสบการณ์ทำงาน ก็จะเป็นองค์กรที่ได้รับความสนใจเช่นเดียวกัน ซึ่ง WorkVenture มองว่านี่เป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่คนรุ่นใหม่กำลังปฏิบัติกัน เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองค้นหาตัวตนที่เหมาะสม บริษัทที่เรียกร้องประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งระดับต้นๆ จึงมักพลาดโอกาสที่จะได้รับแคนดิเดตหน้าใหม่
และนี่คือ Top50 Companies in Thailand 2024 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดประจำปี 2567 บริษัทไหนที่ครองใจคนทำงานรุ่นใหม่มากที่สุดในช่วงเวลานี้? ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
อันดับ 1 | Google : กูเกิล
ไม่แปลกใจเลยที่ Google ยังคงขึ้นแท่นอันดับหนึ่งบริษัทที่คนเก่งอยากร่วมงานมากที่สุด ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 เพราะการได้เป็นพนักงานที่นี่นอกจากความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ล้วนสร้างความสุข และเติมเต็มชีวิตของทุกคนทั่วโลกแล้ว
Google ยังมีสวัสดิการสุดว้าวที่กล้าพูดได้เลยว่าให้มากกว่า และไม่เหมือนใครในแบบของตัวเองตั้งแต่คุณก้าวเดินออกจากบ้านมาจนถึงบริษัทเลยทีเดียว ทั้ง รถรับ-ส่งพนักงานจากย่านที่อยู่อาศัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานและประชุมอย่างครบครัน อาหารฟรี 3 มื้อ แบบครบหมู่ ไม่จำเจ และที่สำคัญอร่อย
นโยบาย 20 Percent Time ให้พนักงานใช้เวลาทำงาน 20% ไปคิดสร้างสรรค์ โปรเจกต์ที่สร้างประโยชน์ให้กับ Google มากที่สุด นอกจากนั้นยังมี แพทย์ประจำบริษัท ช่างตัดผม ห้องนอนพัก อุปกรณ์/โต๊ะทำงานสุดไฮเทค และอื่นๆ อีกมากมายซึ่งทุกอย่างผ่านการคำนวณมาแล้วว่าจะเป็นสิ่งที่สร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานได้
นอกจากสวัสดิการแล้ว ที่น่าสนใจอีกอย่างสำหรับใครที่อยาก Upskill เร็วๆ ก็คือ เมื่อคุณได้เป็นพนักงานที่นี่ ก็เท่ากับว่าคุณได้ติด ‘ป้ายคนเก่ง’ ทันที เพราะ Google มีชื่อเสียงในเรื่องของการดึงเอาคนระดับหัวกะทิจากทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เมื่อถูกรายล้อมไปด้วยเพื่อนร่วมงานเจ๋งๆ ความสามารถของคุณก็จะได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดแน่นอน
อันดับ 2 | PTT : ปตท.
องค์กรยักษ์ใหญ่ที่ทุกคนในไทยต้องรู้จักอย่างแน่นอนอย่าง ปตท.บริษัทพลังงานแห่งชาติที่เป็นรากฐานความมั่งคั่งและยั่งยืนของประเทศไทยมายาวนานกว่า 40 ปี นอกจากความมีชื่อเสียงแล้ว ปตท.ยังเป็นบริษัทที่โดดเด่นทั้งเรื่องค่าตอบแทนที่คุ้มค่าและการทุ่มเทงบประมาณไปกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในองค์กรอย่างไม่หยุดยั้ง
โดยตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา ปตท. ได้ปรับกลยุทธ์การพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้ Fit in กับพนักงานส่วนใหญ่ที่เป็น Gen Y และ Gen Z โดยชู S-P-R-I-R-I-T เป็นค่านิยมหลักขององค์กร เน้นวัฒนธรรมองค์กรไปที่การทำงานร่วมกันแบบพี่น้อง และการเปิดใจยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง ทำให้ไม่มีปัญหาระหว่างคนต่างเจน
และที่สำคัญ ปตท. ยังเป็นบริษัทแรกๆ ที่ ‘ส่งเสริมความหลากหลายในกลุ่มพนักงาน’ ให้ความเท่าเทียมกับทุกเพศ ทุกวัย อายุ ภูมิลำเนา ฯลฯ โดยมองที่ความสามารถเป็นหลักอย่างไม่มีปิดกั้น รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนสามารถโยกย้ายสายงานภายในบริษัทได้ เพื่อให้พนักงานทุกคนได้เติบโตและได้ทำงานที่เหมาะสมกับตัวเอง จึงไม่แปลกใจเลยที่คนรุ่นใหม่ยกให้ ปตท. เป็นบริษัทไทยที่พวกเขาอยากร่วมงานด้วยมากที่สุด
อันดับ 3 | SCG : เอสซีจี
ปีนี้ SCG ก็ยังคงได้คะแนนความนิยมอย่างต่อเนื่อง และล้นหลามจากบรรดาเหล่าคนทำงานและคนรุ่นใหม่เพราะไม่เพียงแค่ธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและหลากหลาย SCG ยังขึ้นชื่อว่า "มีสวัสดิการที่ครองใจคนรุ่นใหม่มากที่สุด' อีกด้วย
โดยเฉพาะสวัสดิการที่ไม่เหมือนใครอย่าง Flexible Benefits คือ ให้พนักงานทุกคนสามารถ จัดสรรงบสวัสดิการตามความต้องการของตนเองได้ เช่น พนักงาน Gen Z ที่มี Passion ในการท่องเที่ยว ก็สามารถแบ่งงบจากส่วนที่เกี่ยวกับสุขภาพไปใช้ในสวัสดิการที่ซัพพอร์ตการท่องเที่ยวแทนได้
และอีกสวัสดิการสุดพีคอย่าง Health Care & Health Club คือ พนักงานสามารถใช้ facilities ที่บริษัทมอบให้ ทั้ง fitness center แบบพรีเมี่ยม คอร์ดแบดมินตัน สนามเทนนิส สนามบาสเกตบอล สนามกอล์ฟจำลอง รวมถึง Class ออกกำลังกายหลังเลิกงานต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น โยคะ HIIT ซุมบ้า มวยไทย อื่นๆ อีกมากมาย และพนักงานทุกคนยังได้รับชั่วโมงเพื่อไปพัฒนาตัวเองกว่า 155 ชั่วโมงต่อปี
นอกจากนี้ SCG ยังมอบทุนการศึกษาให้กับพนักงานที่รักการเรียนไป Take Course กับ Top 10 University ระดับโลกทุกปีด้วยนะ มากไปกว่านั้น SCG ยังมีทุนให้คนภายนอกอีกด้วย เอาเป็นว่าที่เกริ่นมานี่ยังไม่ถึง 10% ของสวัสดิการจาก SCG เลย กล้าจัดเต็มให้พนักงานแบบจุกๆ ขนาดนี้ เชื่อแล้วว่าทำไมถึงไม่เคยหลุดโผบริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากที่สุดเลย
อันดับ 4 | Agoda : อโกด้า
องค์กระดับโลก ผู้เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มจองที่พัก ท่องเที่ยว และตั๋วเครื่องบินแบบครบวงจรอย่าง Agoda ไต่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 ในปีนี้ และยังคงเป็นขวัญใจชาวออฟฟิศอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ที่สามารถให้เงินเดือนและสวัสดิการได้เทียบเท่ากับการไปทำงานที่ต่างประเทศขอแค่คุณเก่งจริง
ซึ่งนอกจากเรื่องของค่าตอบแทนแล้ว สิ่งที่ทำให้คนรุ่นใหม่อยากเข้าไปเริ่มต้นชีวิตการทำงานในองค์กรระดับโลกแห่งนี้กันสุดๆ ก็คือ ที่นี่เปิดโอกาสให้เด็กจบใหม่ได้ลงมือทำจริงในโปรเจกต์ใหญ่ๆ เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีในช่วงเริ่มทำงาน
อีกทั้งยังจะได้เรียนรู้ด้านเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย เรียนรู้จากเพื่อนร่วมงานเก่งๆ จากกว่า 90 สัญชาติทั่วโลก ในออฟฟิศที่ใหญ่ที่สุดของอโกด้าใจกลางกรุงเทพฯ และที่สำคัญการทำงานที่ Agoda นั้นยืดหยุ่นแบบสุดๆ เพราะพนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ 3 วันต่อสัปดาห์ ที่ไหนก็ได้ 30 วันต่อปี และมีวันหยุดเริ่มต้นมากถึง 15 วันต่อปี พร้อมส่วนลดที่พักมากมายเมื่อเข้าพักในโรงแรมที่เป็นพาร์ตเนอร์ บอกเลยว่า พนักงานรุ่นใหม่สายท่องเที่ยวพลาดไม่ได้เลยนะ สำหรับสวัสดิการที่โดนใจแบบนี้
อันดับ 5 | Unilever : ยูนิลีเวอร์
Unilever เป็นที่รู้จักดีจากการเป็นผู้ผลิตของใช้ในชีวิตประจำวันมากมายยาวนานกว่า 90 ปี นอกจากธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืนแล้ว ยังเป็นที่รู้กันดีในหมู่คนทำงานว่า ‘ที่นี่มุ่งรักษาพนักงานให้ทำงานอยู่นาน ๆ’
โดยมีวัฒนธรรมการทำงานที่สนับสนุนพนักงานในทุกด้าน ทั้งรูปแบบการทำงานแบบผสมผสาน เช่น ให้พนักงานเข้าทำงานเพียง 2 วัน/สัปดาห์ นอกนั้นสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ตามอัธยาศัย และงดการประชุมทุกวันศุกร์ เพื่อให้พนักงานรีบเคลียร์งานก่อนถึงวันหยุด ถ้าวันไหนมาทำงานที่ออฟฟิศก็ยังมีพื้นที่สำหรับพักผ่อนให้ได้ผ่อนคลายทุกช่วงเวลาที่ต้องการ ทั้งคาเฟ่ และห้องออกกำลังกาย เป็นต้น
Unilever จึงเป็นองค์กรระดับโลกที่ใส่ใจทั้งสุขภาพกายและใจของพนักงานอย่างดีที่สุด นอกจากนั้นยังสนับสนุนเรื่องการเรียนภาษาที่ 2 3 และ 4 ตามแต่ความสนใจของพนักงาน และให้พนักงานสามารถเติบโต ย้ายถิ่นฐานไปทำงานที่ Unilever ทั่วโลกได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เรียกได้ว่า สวัสดิการที่นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกใจคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
อันดับ 6 | LINE : ไลน์
ปฏิเสธไม่ได้ว่า LINE เป็นแอปพลิเคชันการสื่อสารที่ครองใจคนไทยมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะทุกๆ วันเราต้องเปิดใช้แอปพลิเคชันนี้ อย่างน้อย 1 ครั้งอย่างแน่นอน
ด้วยความฮอตของ LINE จึงทำให้คนรุ่นใหม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบที่ตัวเองชอบและใช้งานอยู่ ที่นี่จึงเป็นองค์กรแรกๆ ที่เหล่าคน Gen Z อยากร่วมงานด้วย
แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด เพราะ LINE ยังมีสวัสดิการที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมายให้คนรุ่นใหม่กด Love ทั้งวัฒนธรรมองค์กรสุดชิคที่ให้อิสระทางความคิดและการทำงานอย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังมีสภาพแวดล้อมของออฟฟิศสุดโคซี่ อบอุ่น น่ารัก แถมเดินทางสะดวก มีสวัสดิการสุดว้าวมากมาย เช่น ข้าวเช้าและข้าวกลางวันฟรี นวดฟรี 15 นาที ประกันสุขภาพครอบคลุมคู่สมรสและบุตร เงินขวัญถุง 20,000 บาทสำหรับการแต่งงาน และพนักงานผู้ชายคนใดที่มีบุตร ก็สามารถใช้สิทธิลาคลอดไปดูแลภรรยาได้อีกด้วย
อันดับ 7 | Toyota Motor : โตโยต้า มอเตอร์
ที่นี่ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่สนใจทำงานในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะ Toyota Motor มีวิธีการทำงานที่สามารถผลักดันให้พนักงานเก่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
โดยโตโยต้าขึ้นชื่อเรื่องการทำงานที่เป็นขั้นเป็นตอน และมีแบบแผนแต่ก็เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็นและเสนอไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ นอกจากเรื่องสไตล์การทำงาน Toyota Motor ยังคงรักษามาตรฐานในเรื่องของ ‘โบนัส’ ที่สูงกว่าบริษัทอื่นๆ เอาไว้ได้จากยอดขายและความนิยมในแบรนด์ที่มีมาอย่างยาวนาน
Toyota Motor จึงเหมาะจะเป็น ‘ที่ทำงานที่แรก’ ของคนรุ่นใหม่ที่อยากจะเข้าไปพัฒนาตัวเองกับองค์กรที่มีแบบแผนการทำงานเป็นมาตรฐานและมีชื่อเสียงระดับโลก นอกจากสวัสดิการที่ครอบคลุมตั้งแต่ตัวพนักงานไปจนถึงครอบครัวแล้ว ที่นี่ยังสนับสนุนค่าเรียนภาษาและค่าเรียนปริญญาโทด้วย บอกเลยว่า ทำงานที่นี่คุณจะได้อัปเวลแบบเร็วสุดๆ
อันดับ 8 | ThaiBev : ไทยเบฟ
คนรุ่นใหม่ทั้งไทยและเทศเทใจให้ไม่หยุดกับไทยเบฟ ที่นอกจากจะเป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม และร้านอาหารชื่อดังมากมายแล้ว ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นองค์กรแห่งความหลากหลาย ที่เปิดรับบุคลากรอย่างไม่จำกัดเพศ อายุ สัญชาติ ศาสนา โดยมอบ "โอกาสไร้ขีดจำกัด" ให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพอย่างถึงที่สุด
นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาฝึกงานได้ลงมือทำงานจริง เพื่อเตรียมความพร้อม ปรับตัวสู่การทำงานในอนาคต ปัจจุบันไทยเบฟมีอัตราส่วนพนักงานเป็น Gen Z มากที่สุด เรียกได้ว่าเป็นองค์กรของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง และยังมีโปรแกรมพัฒนาการเรียนรู้ของพนักงานอยู่ตลอดเวลา
อันดับ 9 | Mitr Phol : มิตรผล
ยังคงยืนหนึ่งอยู่ในใจคนทำงานได้อย่างเหนียวแน่น สำหรับมิตรผล บริษัทชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมน้ำตาลและ Bio-based เป็นที่รู้กันดีว่าทำงานที่นี่คุณจะเก่งขึ้น เติบโตขึ้นในทุก ๆ ด้าน เพราะมิตรผลเป็นที่ยอมรับในเรื่องของการให้โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง จนทำให้ติดอันดับ Top 10 ของ 50 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดมาถึง 3 ปีซ้อน
การทำงานที่มิตรผลจะเน้นให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการทำงานที่ท้าทาย สนับสนุนให้โอกาสในการแสดงฝีมือลงมือทำในโปรเจกต์ที่ต่อยอดได้จริงเพื่อผลักดันองค์กรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงช่วยวาง Career ให้กับพนักงานในองค์กรจนมั่นใจว่าสามารถเติบโตได้ในธุรกิจที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังจัดสวัสดิการที่ดูแลสุขภาพทั้งพนักงานและครอบครัวให้อุ่นใจในการทำงาน วันลาพิเศษที่ตอบโจทย์คนทำงานในทุกช่วงวัย รวมถึงเปิดให้พนักงานสามารถเลือกเวลาเข้างานเพื่อ Balance ชีวิตได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย
อันดับ 10 | Bangchak : บางจาก
บางจาก ยังคงติดอันดับ ‘บริษัทมหาชนด้านพลังงานสัญชาติไทย’ ที่เป็นที่สนใจของพนักงานรุ่นใหม่มาอย่างยาวนานต่อเนื่องกันหลายปี เพราะนอกจากมีชื่อเสียงแล้ว ที่นี่โดดเด่นด้านการนําเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้สนับสนุนการทํางานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีที่ช่วยลดกระบวนการและร่นเวลาการทำงานลงเท่านั้นที่ทำให้บางจากน่าสนใจ ที่นี่ยังมุ่งพัฒนาศักยภาพพนักงานรอบด้านอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น มีหลักสูตรอบรมหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการพนักงานทุก Generation การเปิดให้ขอทุนการศึกษา การให้พื้นที่แสดงความสามารถ การเปิดโอกาสให้คนภายในโยกย้ายสายงานก่อน ก็ล้วนเป็นสวัสดิการที่ส่งเสริมให้พนักงานเติบโตและสร้างผลงานได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ บางจากยังผลักดันสตาร์ทอัพใหม่ๆ ให้สร้างสรรค์นวัตกรรมเข้าสู่สังคม ควบคู่ไปกับนโยบาย Greenovation (Green + Innovation) สร้างสรรค์นวัตกรรมสีเขียวเพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย เรียกได้ว่าทำงานที่นี่ได้ครบคุ้มทุกด้านจริงๆ ทั้งเงินเดือน สวัสดิการ ความรู้ และการคืนคุณค่าให้แก่สังคม
Photo by Mitchell Luo on Unsplash
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : “เกลียดวันจันทร์” สาหัสกว่าที่คิด องค์กรควรรับมืออย่างไร เมื่อพนักงาน “หมดไฟ” เข้าขั้นวิกฤต
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine