“เกลียดวันจันทร์” สาหัสกว่าที่คิด องค์กรควรรับมืออย่างไร เมื่อพนักงาน “หมดไฟ” เข้าขั้นวิกฤต - Forbes Thailand

“เกลียดวันจันทร์” สาหัสกว่าที่คิด องค์กรควรรับมืออย่างไร เมื่อพนักงาน “หมดไฟ” เข้าขั้นวิกฤต

FORBES THAILAND / ADMIN
21 Jan 2024 | 09:00 AM
READ 2426

อาการเกลียดวันจันทร์ (Monday Blues) ความรู้สึกเบื่อหน่ายและเหนื่อยล้าที่พนักงานทั่วโลกกำลังเผชิญ แม้ฟังดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและชั่วครั้งชั่วคราว แต่แท้จริงกลับร้ายแรงกว่าที่คิด สะท้อนความเสี่ยงด้านสุขภาวะทางจิตที่องค์กรต่างๆ ต้องเร่งมือแก้ไขโดยด่วน


    เนื่องด้วยสถานการณ์ต่างๆ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ตลอดจนความกังวลเรื่องสภาพภูมิอากาศที่ยืดเยื้อเป็นเวลานาน ล้วนทำให้ผู้คนมีความเครียดอย่างต่อเนื่อง ความกังวลเกี่ยวกับภาวะหมดไฟและความเหนื่อยล้าขั้นวิกฤตของพนักงานทั่วโลกได้กระตุ้นให้องค์กรทั้งหลายหันกลับมาทบทวนมาตรการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตขององค์กร พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับมาตรการสนับสนุนสุขภาพจิตเชิงรุกสำหรับพนักงาน

    รายงานภาพรวมแนวโน้มความเสี่ยงทั่วโลก ประจำปี 2567 ของ International SOS ชี้ว่า ภาวะหมดไฟ วิกฤตค่าครองชีพ และความกังวลด้านสุขภาพจิต ถือเป็นความเสี่ยงอันดับต้นๆ สำหรับสุขภาวะของพนักงานในปีนี้

    สุขภาพจิตถือเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลเป็นพิเศษ เนื่องจากแรงกดดันจากภาวะหมดไฟและความยากลำบากทางการเงินสามารถแสดงออกมาให้เห็นในรูปแบบของความเครียดทางอารมณ์และจิตใจ ข้อมูลจากการสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า ผู้คนมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างสุขภาวะของพนักงานกับความสำเร็จขององค์กร

    ด้านองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) เน้นย้ำว่า ทั่วโลกต้องสูญเสียวันทำงานไปประมาณ 1.2 หมื่นล้านวันอันเนื่องมาจากภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล ส่งผลให้สูญเสียความสามารถในการผลิตคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี



    อัตราการเกิดภาวะหมดไฟของพนักงานทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในระยะเวลาเพียงแค่สองปี โดยอัตราดังกล่าวทะยานขึ้นจาก 11-18% สู่ระดับ 20-40% ขณะเดียวกันหลายพื้นที่ยังรายงานด้วยว่าอัตราการเกิดภาวะหมดไฟนั้นสูงถึง 50% เลยทีเดียว

    นอกจากนี้ 80% ของผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านความเสี่ยงทั่วโลกที่ตอบแบบสำรวจยังระบุด้วยว่า ภาวะหมดไฟของพนักงานเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งขององค์กรและพนักงาน

    นายแพทย์ Rodrigo Rodriguez-Fernandez ที่ปรึกษาด้านสุขภาพระดับโลกของ International SOS กล่าวว่า “การกลับมาทำงานหลังวันหยุดนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย และสำหรับพนักงานจำนวนมากนั้น ช่วงเวลานี้อาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้พนักงานไม่สามารถแบกรับความเหนื่อยล้า ความเครียดเรื้อรัง และภาวะหมดไฟได้อีกต่อไป”

    Rodriguez-Fernandez อธิบายว่า พนักงานบางคนอาจจะยังคงเผชิญกับผลกระทบต่อเนื่องจากช่วงเทศกาล โดยเผชิญกับแรงกดดันด้านการเงินจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นภายหลังการฉลองวันหยุดยาว

    นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นและวิกฤตการณ์ระดับโลกที่เกิดขึ้นอยู่นี้ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้พนักงานรู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนสำหรับองค์กรที่พยายามส่งเสริมสุขภาวะและประสิทธิภาพให้กับการทำงานของพนักงาน

    “พนักงานต้องการการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตและสุขภาวะในที่ทำงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์ระลอกล่าสุด ความต้องการที่มีอยู่แล้วจึงต้องได้รับการตอบสนองอย่างเร่งด่วนมากยิ่งขึ้นในขณะที่พนักงานรู้สึกหมดไฟและเหนื่อยล้าขั้นวิกฤต”

    ดังนั้น อาการเกลียดวันจันทร์จึงเป็นโอกาสที่เหมาะสมสำหรับองค์กรต่างๆ ที่จะหันมาประเมินและสนับสนุนโครงการส่งเสริมสุขภาพจิตในที่ทำงาน เมื่อพนักงานรู้สึกว่าได้รับการช่วยเหลือและมีความสามารถในการดูแลสุขภาพจิตของตนเอง พนักงานก็มีแนวโน้มว่า จะมีส่วนร่วม มีสมาธิ และปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้น

    Rodriguez-Fernandez กล่าวด้วยว่า องค์กรที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ และจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการจัดการความเครียดไปจนถึงการจัดตารางงานที่มีความยืดหยุ่น “ถือเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องและยังเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของพนักงานอีกด้วย”



    International SOS ส่งเสริมให้องค์กรต่างๆ ใช้กลยุทธ์เชิงรุกเพื่อป้องกันภาวะหมดไฟและต่อสู้กับความเหนื่อยล้าขั้นวิกฤตในที่ทำงาน โดยมีข้อแนะนำ ดังนี้

    1. สร้างวัฒนธรรมการเปิดเผยอารมณ์ความรู้สึกและส่งเสริมการสื่อสารอย่างเปิดเผย: จัดให้มีพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานในการพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพจิตและสุขภาวะของตนเอง ตลอดจนสนับสนุนให้พนักงานกล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกเมื่อรู้สึกอัดอั้นตันใจหรือลำบากใจ

    2. มอบความยืดหยุ่นและส่งเสริมสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัว: สนับสนุนการจัดตารางการทำงานที่ยืดหยุ่นเพื่อช่วยให้พนักงานสร้างสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัวได้ ตลอดจนส่งเสริมการหยุดพักอย่างสม่ำเสมอ และสนับสนุนให้พนักงานเล็งเห็นถึงความสำคัญของสุขภาวะของตนเอง

    3. ลงทุนเพื่อส่งเสริมสุขภาวะทางอารมณ์: เปิดโอกาสให้พนักงานได้เข้าร่วมกิจกรรมการฝึกสติ และจัดฝึกอบรมด้านการจัดการความเครียด ตลอดจนร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตที่ผ่านการรับรองเพื่อให้คำปรึกษาและสนับสนุนแก่พนักงาน โดยรักษาความลับของพนักงานเป็นอย่างดี

    4. นำเสนอโปรแกรมช่วยเหลือพนักงาน: ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนพนักงานในด้านต่าง ๆ เช่น บริการให้คำปรึกษาทางการเงินหรือการให้คำปรึกษาด้านสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

    5. สนับสนุนให้ผู้จัดการเข้ารับการฝึกอบรมการปฐมพยาบาลด้านสุขภาพจิต: เพิ่มทักษะให้ผู้จัดการสามารถระบุสัญญาณของความเครียดและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่พนักงานที่อาจกำลังประสบปัญหา


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ศึกยุติทำงานไกล เมื่อบรรดา CEO อยากให้พนักงานกลับออฟฟิศ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine