ขณะที่หลายองค์กรยังคงมีข้อถกเถียงว่าควรกลับมาทำงานที่ออฟฟิศหรือไม่ ผลการศึกษาใหม่อาจช่วยให้ทุกคนเข้าใกล้ข้อสรุปมากขึ้น เมื่อทีมนักวิจัยพบว่า การทำงานแบบไฮบริดช่วยให้พนักงานมีความสุขยิ่งขึ้น และอัตราการลาออกลดลง
ผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารวิชาการ Nature เมื่อเดือนมิถุนายน 2024 ที่ผ่านมาชี้ว่า การอนุญาตให้พนักงานทำงานจากนอกออฟฟิศ 2 วันต่อสัปดาห์ช่วยลดอัตราการลาออกและเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน โดยไม่กระทบกับการเลื่อนตำแหน่ง การปฏิบัติงาน และผลงานที่ได้แต่อย่างใด
ทีมนักวิจัยอิงกรณีศึกษาจากพนักงานของแพลตฟอร์มเอเจนซีด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ Trip.com ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งมีการสุ่มแบ่งพนักงานกว่า 1,600 คนออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกทำงาน 5 วันที่ออฟฟิศ ส่วนอีกกลุ่มทำงานแบบไฮบริด โดย 3 วันเข้าออฟฟิศและอีก 2 วันทำงานที่บ้าน เป็นเช่นนี้ติดต่อกันนาน 6 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้คือ พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดมีความพึงพอใจต่องานเพิ่มมากขึ้นและอัตราการลาออกลดลง ในขณะที่ประสิทธิภาพในการทำงานยังคงเดิม
หลังการทดลองดังกล่าว Trip.com ก็ได้มีการขยายนโยบายการทำงานแบบไฮบริดไปยังพนักงานทุกคนในบริษัท โดย James Liang ประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง Trip.com มองว่าการสูญเสียพนักงานไปนั้นมีราคาแพง จึงควรที่จะสร้างที่ทำงานที่มีความสุขแก่พวกเขา โดยมีการประเมินว่าค่าจ้างและฝึกพนักงานใหม่มีมูลค่าถึง 20,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน
นอกเหนือจากนี้ ผลการศึกษายังค้นพบว่า อัตราการลาออกลดลงในบรรดาผู้หญิงที่ทำงานแบบไฮบริด อย่างไรก็ตาม Nicholas Bloom ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด หนึ่งในผู้ร่วมเขียนงานวิจัยชิ้นนี้เผยว่า ก่อนหน้านี้มีการถามว่าใครจะอาสาทำงานแบบไฮบริดบ้าง ซึ่งผู้หญิงไม่ค่อยเอ่ยปากขอกันนัก
“ที่จริงการบังคับใช้นโยบายแบบนี้กับทุกคนเป็นเรื่องสำคัญมาก” Bloom กล่าว “คนบางกลุ่มยังคิดว่าการขอทำงานจากบ้าน 2 วันต่อสัปดาห์จะทำให้ถูกหัวหน้ามองในเชิงลบว่าไม่กระตือรือร้นกับงาน พวกเขาจึงปิดปากเงียบและไม่อาสาแม้ว่าจะอยากทำก็ตาม ซึ่งท้ายสุดแล้วพวกเขาก็จะลาออกและย้ายไปทำงานที่อื่น”
ด้านผลงาน ทีมวิจัยไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญด้านศักยภาพในการปฏิบัติงานระหว่างพนักงานที่เข้าออฟฟิศ 5 วันและพนักงานที่ทำงานแบบไฮบริด โดยการทำงานจากข้างนอกไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคะแนนประเมินการทำงานของพนักงานแต่ละคน ไม่กระทบอัตราการเลื่อนตำแหน่ง และไม่กระทบจำนวนบรรทัดของโค้ดที่โปรแกรมเมอร์เขียนได้ กล่าวคือ ไม่ว่าจะใช้เกณฑ์ใดมาวัด พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดก็ได้คะแนนเทียบเท่ากับพนักงานที่มาออฟฟิศ
ข้อค้นพบนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาของ Gartner ในปี 2020 ว่าด้วยความยืดหยุ่นในการทำงานซึ่งได้มีการสำรวจข้อมูลและความคิดเห็นของพนักงาน 5,000 คน พบว่ามีพนักงานที่ทำงานในออฟฟิศ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ตามมาตรฐานเพียง 36% ที่ปฏิบัติงานได้ดี ส่วนบริษัทที่มีความยืดหยุ่น ให้พนักงานเลือกสถานที่ เวลา และปริมาณการทำงานได้ มีพนักงานที่ปฏิบัติงานได้ดีถึง 55%
อย่างไรก็ตาม Bloom กล่าวว่าเขายังไม่ค่อยสนับสนุนการทำงานยืดหยุ่นโดยสมบูรณ์ตามที่ Gartner ระบุไว้ในผลการศึกษาเท่าใดนัก เขาแนะนำให้มีการทำงานนอกออฟฟิศประมาณ 2 วันต่อสัปดาห์จะดีกว่า
“คุณสามารถบอกได้ง่ายๆ เลยครับว่าใครอู้งานจากการเข้าออฟฟิศ 3 วันต่อสัปดาห์” Bloom เผย “มันจะชัดไวมากครับ คุณไม่จำเป็นต้องให้ใครเข้าออฟฟิศถึง 5 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้มั่นใจว่าจะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพหรอก”
แหล่งที่มา:
New study finds that hybrid work boosts morale—and profits
Hybrid working has benefits over fully in-person working — the evidence mounts
Gartner Identifies Three Dimensions That Define The New Employer-Employee Relationship
ภาพ: Pexels
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘บริษัทช่วยลาออก’ โตแรงในญี่ปุ่น สะท้อนสังคมการทำงานสุด toxic ที่อันตรายถึงชีวิต
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine