JobsDB เผยผู้สมัครงานสาย Tech มีอำนาจต่อรองสูง แนะวิธีการสรรหาที่องค์กรควรมี เพื่อชนะใจผู้สมัครงาน - Forbes Thailand

JobsDB เผยผู้สมัครงานสาย Tech มีอำนาจต่อรองสูง แนะวิธีการสรรหาที่องค์กรควรมี เพื่อชนะใจผู้สมัครงาน

JobsDB by SEEK เผยข้อมูลสำรวจเชิงลึกระดับโลก Global Talent Survey ชี้ผู้สมัครงานสายเทคโนโลยีมั่นใจตัวเองมีอำนาจการต่อรองสูง องค์กรจึงควรต้องมีเทคนิครับมือเพื่อดึงดูดผู้สมัครและนโยบายรักษาบุคลากรสายเทคโนโลยี เพื่อเอาชนะใจผู้สมัครสาย Tech


    ดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด เผยผลสำรวจจาก Global Talent Survey ซึ่งเป็นการสำรวจผ่านเว็บไซต์และการวิเคราะห์ ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ Boston Consulting Group (BCG) และ The Network ในปี 2565 ผู้ร่วมตอบแบบสอบถามเป็นผู้สมัครงานสายเทคโนโลยี มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านดิจิทัลในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย อาทิ ไอที สถาบันการเงิน สินค้าอุปโภคบริโภค โทรคมนาคม ฯลฯ ทั้งหมด 6,228 คนจาก 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ประกอบด้วย อินโดนีเซีย ไทย ฮ่องกง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์

    “ในภาพรวมของธุรกิจ บริษัทด้านเทคโนโลยีอาจมีการปลดพนักงานบ้าง แต่พนักงานสายเทคโนโลยียังเป็นกลุ่มที่ถูกจ้างงาน มีอำนาจการต่อรองในตลาดแรงงาน และเป็นบุคลากรที่องค์กรต้องการที่สุดในหลายประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย ไทย ฮ่องกง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ กว่า 81% ซึ่งได้รับข้อเสนองานหลายครั้งต่อปี

    จากผลสำรวจยังพบว่า 71% ของผู้สมัครงานสายเทคโนโลยีที่ร่วมทำแบบสำรวจ มั่นใจในอำนาจการต่อรองของตัวเอง และต้องการอาชีพที่มั่นคง สามารถรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับงานได้ลงตัว ซึ่งตัวเลขจากแบบสำรวจมีความใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของผู้สมัครงานสายเทคโนโลยีทั่วโลก

    แต่ก็มีความแตกต่างเล็กน้อยตรงที่ผู้สมัครงานสายเทคโนโลยีที่ทำแบบสำรวจดังกล่าว มีความสนใจที่จะลองอาชีพใหม่ มีความต้องการเพิ่มทักษะ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้เชี่ยวชาญดิจิทัลจากทั่วโลก และมีเพียง 18% ที่มีความสนใจต้องการกลับไปทำงานแบบเต็มเวลา ขณะที่ 64% ของผู้ทำแบบสำรวจมีความต้องการทำงานแบบไฮบริดมากกว่า

    “ผู้สมัครสายเทคโนโลยีในเอเชียยังให้ความสำคัญกับกระบวนการสรรหาบุคลากรเป็นอย่างมาก ผู้สมัครงาน 47% ปฏิเสธงาน แม้ข้อเสนองานน่าสนใจ แต่ถ้าได้รับประสบการณ์ด้านลบในระหว่างขั้นตอนการสรรหาก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะปฏิเสธข้อเสนองานนั้น

ดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด



    นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบผู้สมัครสายเทคโนโลยีกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก พบว่า เปิดกว้างที่จะได้รับข้อเสนอจากบริษัทจัดหาบุคลากร ส่วนน้อยที่ใช้คอนเนคชั่นส่วนตัวในการสมัครงาน และมีการใช้ความคิดเห็นบนแพลตฟอร์มจัดหางานในการหาข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อผู้สมัครได้งานล่าสุดผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มจัดหางานใด ก็มักจะมีอิทธิพลในการรับข้อเสนองานจากแพลตฟอร์มเหล่านั้น และจะใช้ในการหางานต่อในอนาคต”

    ผู้ประกอบการหรือแผนกสรรหาบุคลากรขององค์กรที่ต้องการบุคลากรในอุตสาหกรรมสายงานเทคโนโลยี จำเป็นต้องรู้และเข้าใจความต้องการของผู้สมัครงานสายเทคโนโลยีอย่างมาก เพราะถ้าไม่เข้าใจก็จะเกิดผลกระทบ อาทิ ไม่สามารถรักษาบุคลากรที่มีอยู่ หรือเกิดความยากในการสรรหาบุคลากรใหม่ๆ ที่มีประสบการณ์สูงในสายงานนี้ มาเสริมศักยภาพให้กับกระบวนการทำงาน ด้วยสาเหตุจากผู้สมัครงานรู้ถึงอำนาจการต่อรองของตนเอง และรู้ว่าสายงานเทคโนโลยีเป็นสายงานที่มีความต้องการสูงของตลาดแรงงาน

    ดวงพร กล่าวต่อว่า “วิธีการดึงดูดผู้สมัครงานสายเทคโนโลยี หรือการรักษาบุคลากรสายนี้ให้อยู่กับองค์กร (Employee Retention) คือ สร้างความเชื่อมั่นในความก้าวหน้าทางอาชีพในอุดมคติของผู้สมัครสายเทคโนโลยี

    อันดับ 1 คือ ต้องการงานที่มั่นคง และมีสมดุลในการใช้ชีวิตที่ดี
    อันดับ 2 คือการเติบโตไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
    อันดับ 3 คือ ต้องการมีโอกาสที่ได้ทำงานในผลิตภัณฑ์ โปรเจ็กต์ หรือเทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้น

    ถ้าผู้ประกอบการหรือองค์กรไหน มีข้อเสนอ 3 ข้อหลักนี้ ก็สามารถสร้างแรงดึงดูดต่อบุคลากรสายเทคโนโลยีได้แน่นอน

    “นอกจากความก้าวหน้าทางอาชีพแล้ว สิ่งสำคัญที่ถูกนำมาพิจารณาในการทำงานกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง หรือรับข้อเสนองานนั้นๆ คือ ค่าตอบแทน (เงินเดือน โบนัส) จากตัวเลขผู้ตอบแบบสอบถามกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกมีความใกล้เคียงกันมาก ค่าตอบแทนเป็นอันดับ 1 ที่ใช้เป็นเกณฑ์พิจารณา ตลอดจนวันลาและวันหยุด ในขณะเดียวกันหากผู้สมัครงานมีอายุและประสบการณ์การทำงาน จะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ต่อผู้ร่วมงานที่มีตำแหน่งสูงกว่าเล็กน้อย”

    สภาพแวดล้อมการทำงาน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างแรงดึงดูด บุคลากรสายงานเทคโนโลยีต้องการทำงานแบบไฮบริด (บางวันทำงานที่บ้าน บางวันทำงานที่สำนักงาน) มากกว่าทำงานที่สำนักงาน หรือทำงานทางไกล (Work from Anywhere) ) โดย 64% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ต้องการทำงานแบบไฮบริด ในขณะที่การทำงานที่สำนักงานกับทำงานทางไกล มีค่าเฉลี่ยเท่ากันที่ 18% ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของผู้สมัครสายงานเทคโนโลยีทั่วโลก ในเรื่องของเวลาการทำงาน 76% เห็นด้วยกับชั่วโมงการทำงานเต็มเวลา 5 วันต่อสัปดาห์

    “การดึงดูดผู้สมัครสายงานเทคโนโลยีนั้นสำคัญ แต่การรักษาบุคลากรไว้ได้สำหรับองค์กรก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อลดการลาออก ต้องเข้าใจถึงสาเหตุของการมองหาใหม่ของบุคลากร และวางแนวทางการบริหารบุคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้สมัคร เช่น เงินเดือนหรือสวัสดิการที่มากกว่าเดิม โอกาสในก้าวหน้าทางอาชีพ ตำแหน่งงานที่น่าสนใจหรือระดับที่สูงกว่าเดิม ปรับนโยบายการทำงานจากที่เป็นทำงานเต็มเวลาในสำนักงาน เป็นการทำงานแบบไฮบริดก็จะเพิ่มความน่าสนใจต่องานมากขึ้น เป็นหนึ่งสิ่งที่ได้รับการพิจารณาเป็นลำดับแรกๆ เมื่อผู้สมัครเห็นประกาศงาน

    “นอกจากนี้ จากแบบสำรวจจะพบว่า ผู้สมัครสายเทคโนโลยีมีแรงจูงใจสูงกับความก้าวหน้าทางอาชีพ และการสร้างสมดุลชีวิตกับงาน ผู้สมัครจะใช้ช่องทางออนไลน์ในการค้นหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มจัดหางาน เว็บไซต์บริษัท โซเชียลมีเดียต่างๆ ที่เกี่ยวกับอาชีพ หรือ Search Engines

    ดังนั้นช่องทางเหล่านี้ ต้องมีข้อมูลสำคัญที่คาดว่าผู้สมัครงานอยากรู้ เช่น วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยมบริษัท เป็นต้น ในขณะเดียวกัน แม้จะเป็นผู้สมัครงานสายเทคโนโลยีก็ยังต้องการสัมภาษณ์โดยตรงกับหัวหน้างาน เพื่อประเมินความเหมาะสมของงาน และเข้าใจทิศทาง วัฒนธรรม ค่านิยมของบริษัทมากกว่าสัมภาษณ์แบบออนไลน์”

    สิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการ หรือองค์กรโดดเด่นสำหรับผู้สมัครงานสายเทคโนโลยี 65% ชื่นชอบกระบวนการสรรหาที่ราบรื่นและระยะเวลาที่เหมาะสม รองลงมาคือ บทสนทนาที่จริงใจ ไม่พยายามเสนอขาย ตอบกลับทันทีหลังขั้นตอนคัดเลือก พนักงานฝ่ายบุคคลที่มีความรับผิดชอบและมีความสามารถ และแสดงความสนใจต่อผู้สมัคร หากผู้สมัครงานได้รับประสบการณ์เชิงลบ ถึงแม้ข้อเสนองานจะดีก็สามารถเลือกที่จะปฏิเสธได้

    “วิธีเอาชนะใจผู้สมัครงานสายเทคโนโลยี ด้วยความมั่นใจว่าสายงานนี้มีความต้องการบุคลากรสูง ควรเปิดโอกาสให้เสนอและต่อรอง เพราะผู้สมัครมักได้รับข้อเสนอจากบริษัทอื่น ข้อมูลเรื่องค่าตอบแทน สวัสดิการ ควรชัดเจน รวมถึงเนื้องานที่ต้องทำ การสร้างสถานที่ทำงานที่ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เดิมๆ เปิดใจให้ผู้สมัคร เนื่องจากปัจจุบันผู้สมัครสายเทคโนโลยีมักมีการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ด้วยหลักสูตรออนไลน์ ไม่ควรตัดสิทธิ์ผู้สมัครเพียงเพราะขาดประสบการณ์หรือประวัติการศึกษาที่ไม่เกี่ยวข้อง ควรตัดสินที่ความสามารถหรือจัดให้มีการทดสอบทักษะบางอย่างที่เกี่ยวข้อง

    “สุดท้าย องค์กรอาจพัฒนาทักษะพนักงานในองค์กรก่อนสรรหาบุคลากรใหม่ การฝึกอบรมขององค์กรและการโยกย้ายภายใน จะเป็นการเติมเต็มตำแหน่งงานว่างในสายงานเทคโนโลยีที่ดี เป็นประโยชน์ต่อองค์กร” ดวงพร กล่าวทิ้งท้าย


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ส่องเงินเดือนปี 67 ปรับเพิ่ม 15-25% องค์กรพร้อมทุ่มซื้อใจพนักงาน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine