กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดตัวสำนักงานรูปแบบใหม่ เดินหน้าองค์กรยั่งยืน - Forbes Thailand

กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดตัวสำนักงานรูปแบบใหม่ เดินหน้าองค์กรยั่งยืน

FORBES THAILAND / ADMIN
11 Jul 2022 | 12:20 AM
READ 2795

บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านบริษัทประกันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และสุดยอดบริษัทในฝันของคนทำงาน ฉลองครบรอบ 25 ปีของการดำเนินงานเปิดตัวสำนักงานรูปแบบใหม่ หรือ Slim G ภายใต้แนวความคิด “Work Smart Live Smart” ที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมการสร้างสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม สอดคล้องการทำงานแบบยืดหยุ่น หรือ Smart Working

Sally O'Hara ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปีนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินงานครบรอบ 25 ปี โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรที่พัฒนาเพื่อความยั่งยืน หรือ Sustainability ซึ่งบริษัทฯ ในฐานะ Green Insurer หรือผู้นำบริษัทประกันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล และมีตัวชี้วัดอย่างชัดเจน โดยในปีนี้บริษัทฯ ได้คะแนน AXA Sustainability Index 81.9 คะแนน และมีคะแนนสูงเป็นอันดับ 1 ในแอกซ่าเอเชียมากว่า 6 ปีซ้อน ซึ่งกลุ่มแอกซ่าให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change โดยเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ รวมถึง AXA Progress Index ที่เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดของกลุ่มแอกซ่าและบริษัทฯ ในฐานะผู้ให้ความคุ้มครองด้านประกันชีวิต ผู้ลงทุน และการเป็นองค์กรตัวอย่าง อาทิ นโยบายในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 15% ในปีนี้ และเพิ่มการลงทุนในธุรกิจสีเขียว เป็นต้น นอกจากนั้น เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบดังกล่าว บริษัทฯ ได้จัดโครงการ และกิจกรรมมากมายเพื่อเป็นการขอบคุณและมอบให้แก่ลูกค้า ฝ่ายขาย และพนักงาน อาทิ กิจกรรม THE MATCH Bangkok Century Cup 2022 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ โครงการ Know Your Hearts การตรวจสุขภาพหัวใจเพื่อสร้างการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการใส่ใจสุขภาพแก่ลูกค้า โครงการ AXA Prime Blue เพื่อพัฒนาและเพิ่มศักยภาพฝ่ายขายมืออาชีพ ก่อนก้าวสู่การเป็น AXA Prime โครงการคาราวานตรวจสุขภาพฟรี 25 ที่ตลอดทั้งปีทั่วประเทศ กิจกรรม Step Life 1st time Marathon รวมถึงแคมเปญ Commit To Climate เราปรับโลกเปลี่ยน ที่เชิญชวนทุกคนมาร่วมเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้ด้วยกัน และโครงการ KTAXA Save Our Sea ที่ร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยการปล่อยเต่า และปลูกปะการัง ณ จังหวัดชลบุรี และภูเก็ต ทั้งนี้ อีกหนึ่งโครงการที่สำคัญที่สุดในปีนี้ คือ โครงการ Slim G ที่เป็นการปรับรูปแบบสำนักงานใหม่ของบริษัทฯ ภายใต้แนวคิด Work Smart Live Smart โดยสอดคล้องกับนโยบาย Smart Working ที่เป็นการผสมผสานระหว่างการทำงานในสำนักงาน และการทำงานที่บ้าน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดการเดินทาง การลดใช้พลังงาน โดยเฉพาะลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งโครงการ Slim G มีเป้าหมายในการปรับพื้นที่ภายในสำนักงาน เน้นให้มีพื้นที่ส่วนกลางเพิ่มมากขึ้น ซึ่งพนักงานสามารถใช้ทำงานร่วมกันได้ เพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกัน และส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และมีพื้นที่ที่จะช่วยเพิ่มขนาดความสุขของพนักงานทุกคน ให้มีความสุขกับการทำงานได้อย่างยั่งยืน และกระตุ้นการส่งมอบบริการที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้า สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในเชิงบวกแก่สังคมโดยรวม” บุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริม “โครงการ Slim G ภายใต้แนวคิด Work Smart Live Smart มีจุดเริ่มต้นมากจากการปรับนโยบายการทำงานแบบ Smart Working ของกลุ่มแอกซ่า โดยเริ่มดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ใหม่ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักงานมีการตกแต่งแบบไทยประยุกต์ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นไทย และความทันสมัยแบบโมเดิร์น โดยแต่ละชั้นมีการตกแต่งและบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกัน นอกจากนั้น บริษัทฯ ได้ปรับพื้นที่การทำงานในสำนักงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาคารแห่งนี้ได้รับรางวัล LEED Gold Certificate รวมถึงการใช้พื้นที่ร่วมกันที่อำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานที่มีความบกพร่องทางร่างกาย พร้อมนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานแบบไฮบริด (ทำงานที่สำนักงาน 60% และทำงานที่บ้าน 40%) และเป็นสถานที่ดีที่สุดในการทำงานสำหรับพนักงานทุกคน โดยผลจากการปรับรูปแบบสำนักงานใหม่ สามารถทำให้มีการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 40% ซึ่งในการปรับพื้นที่ดังกล่าว ได้ปรับเปลี่ยนห้องผู้บริหารทั้งหมดเป็นห้องประชุม เพื่อให้มีห้องประชุมสำหรับการใช้งานมากขึ้น และผู้บริหารสามารถนั่งร่วมกับพนักงาน สร้างความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น พนักงานทุกท่านเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ โดยพนักงานแต่ละแผนกสามารถเลือกรูปแบบของโต๊ะทำงานตามความเหมาะสมกับรูปแบบของการทำงานในแต่ละแผนกที่แตกต่างกัน รวมถึงเพิ่มพื้นที่ส่วนกลางในแต่ละชั้นมากขึ้น ทั้งนี้การปรับรูปแบบของสำนักงานใหม่นี้ ยังประกอบไปด้วย ห้องสตูดิโอพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานระดับสากล ห้องครีเอทีฟ ฮับ ที่ตกแต่งแบบผ่อนคลาย ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของพนักงาน ห้อง AXA Prime Lounge เพื่อรองรับฝ่ายขายคุณวุฒิ AXA Prime ห้องจัดการเรียนการสอน และสอบใบอนุญาตนายหน้าประกัน พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย การให้บริการตู้เต่าบิน และ Duck Store เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พนักงาน รวมถึงเวอรติเคิล การ์เด้น สวนแนวตั้งที่เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์พื้นที่สีเขียว พร้อมผักไฮโดรโพนิค เพื่อสุขภาพที่ดีของพนักงาน ซึ่งโครงการ “Slim G” ยังสอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ และกลยุทธ์หลักด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของบริษัทฯ ที่ส่งเสริมการใช้ชีวิตที่ 'เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม' ด้วยการเดินทางที่น้อยลงและมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยั่งยืนมากขึ้น นอกจากนั้น บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนา และเตรียมความพร้อมสำหรับโลกการทำงานในอนาคตของพนักงาน โดยเปิดโอกาสให้พนักงานแสดงความคิดเห็นอยู่เสมอผ่าน Pulse Survey ซึ่งล่าสุดผลการสำรวจคะแนนความพึงพอใจในการเปลี่ยนการทำงานแบบ Smart Working อยู่ที่ 96% ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังส่งเสริมด้านการเรียนรู้ของพนักงานผ่าน E-Learning และ Half Day Learning เป็นประจำทุกเดือน อีกทั้งให้ความสำคัญและการยอมรับความเท่าเทียม ทั้งอายุ เชื้อชาติ ศาสนา ความแตกต่างทางกายภาพ รวมถึงเพศสภาพ หรือ I&D (Inclusion and Diversity) เพราะความแตกต่างที่หลากหลาย สร้างให้บริษัทฯ แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้จัดงาน Pride for Good ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมประกวด Drag Queen – Drag King ภายใต้ธีม Our Bodies Our Lives และ Our Rights เพื่อแสดงออกในความแตกต่างของทุกคน และประกาศนโยบาย ช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสูงสุดถึง 100,000 บาท พร้อมวันลาพักรักษาตัว 7 วัน สำหรับพนักงานที่ต้องการแปลงเพศ ทั้งนี้ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เชื่อว่า การสร้างพลังบวกจากภายในสู่ภายนอก คือสิ่งสำคัญขององค์กร การปรับสำนักงานรูปแบบใหม่ หรือ Slim G และการทำงานแบบ Smart Working จะส่งผลให้พนักงานมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น พร้อมทั้งส่งผลโดยตรงต่อพนักงาน ให้สามารถส่งมอบการบริการที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้าของเรา อีกทั้งการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ของบริษัทฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งแรงขับเคลื่อนให้ทั้งระดับองค์กร และระดับมหาภาค ในการมุ่งมั่นพัฒนาสู่ความยั่งยืน” อ่านเพิ่มเติม: “บีบีจีไอ” ขยับแนวรุกธุรกิจมูลค่าสูง
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine