Hermes เผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2021 ทำรายได้รวมที่ 2.08 พันล้านยูโร เติบโตร้อยละ 44 ในอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ และ คิดเป็นร้อยละ 38 เมื่อคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน รุกธุรกิจภายใต้ธีม "The odyssey" ท้าทายสถานการณ์ที่ไม่แน่ใจของโลก
Hermes เผยปัจจัยหลักผลงานขายอันยอดเยี่ยมของตลาดเอเชียและญี่ปุ่น รวมทั้งยอดขายจากอเมริกาที่เริ่มกลับมา ขณะที่ยอดขายจากยุโรปยังคงทำผลงานได้ดี ส่งให้ผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีนี้โตร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2019 Axel Dumas ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Hermes ได้กล่าวขอบคุณในแถลงการณ์ของบริษัทถึงพนักงานทุกคน "สำหรับตลอดปีที่ผ่านมา ที่ได้แสดงให้ถึงความแข็งแกร่งและผลงานที่เป็นไปตามเป้าหมาย ยิ่งในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน พวกเรามีผลงานขายที่เติบโตที่เป็นเครื่องยืนยันถึงความยอดเยี่ยมของผลงานจากช่างผีมือและความหลงใหลในคอลเล็กชันต่างๆ ของลูกค้าจากทั่วโลก” ตลาดเอเชียยอดขายจากร้านค้าเติบโต สำหรับไตรมาสแรกของปี 2021 ยอดขายหลักมาจากร้านค้าเพิ่มร้อยละ 51 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2020 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกปี 2019 เป็นการเติบโตพร้อมๆ กับจำนวนการเปิดสาขาใหม่และยอดจำหน่ายผ่านออนไลน์จากทั่วโลก ขณะที่รายได้จากค้าส่งติดลบร้อยละ 2 อันเนื่องผลกระทบของยอดขายกับนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์โลก โดยภูมิภาคและประเทศที่ยังคงทำผลงานขายได้เป็นอย่างดีได้แก่ ทวีปเอเชีย (ไม่นับรวมญี่ปุ่น) เติบโตร้อยละ 94 ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม มาจาก จีนแผ่นดินใหญ่ เกาหลีใต้ ประเทศไทย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ขณะที่ญี่ปุ่นยอดขายเติบโตร้อยละ 20 ถือเป็นผลงานที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะบรรดาแฟนตัวยงที่ยังคงนิยมสินค้าจากแบรนด์ ท่ามกลางมาตรการด้านสุขลักษณะจากทางการญี่ปุ่นในการเปิด-ปิด ห้างร้านและสถานที่สาธารณะ ทั้งนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมายังได้เปิดสาขาใหม่ที่ย่าน Omotesando Avenue ของกรุงโตเกียว ขณะที่ตลาดในอเมริกามีสัญญาณที่ดีตั้งแต่ปลายปี 2020 ต่อเนื่องและเมื่อปิดไตรมาสแรกมียอดขายเติบโตที่ร้อยละ 23 ด้านผลงานของทวีปยุโรปไม่นับรวมฝรั่งเศส ติดลบร้อยละ 1 ขณะที่ฝรั่งเศส ติดลบร้อยละ 9 ซึ่งตัวเลขผลประการที่ติดลบมาจากนโยบายด้านสุขภาพและการกักกันโรคของทวีปยุโรปที่ทำให้ร้านค้าไม่สามารถเปิดได้ตามปกติ โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ เยอรมัน และสวิสเซอร์แลนด์ และแน่นอนว่ายอดขายติดลบส่วนหนึ่งมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยว จุดแข็งตามประเภทสินค้า สำหรับสัดส่วนรายได้การเติบโตเมื่อแบ่งตามกลุ่มสินค้า อาทิ กลุ่มเครื่องหนัง, กลุ่มผ้าทักทอชั้นสูง และนาฬิกาหรู โดยสิ้นสุดไตรมาสแรกปี 2021 ตัวเลขการเติบโตของสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างสะดุดตาในกลุ่มต่างๆ ดังต่อไปนี้ กลุ่มเครื่องหนังและอานม้า บวกเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 ในไตรมาสแรก โดยสินค้าในกลุ่มเครื่องหนังที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค อาทิ กระเป๋าทรงคลาสสิก The Victoria bag กลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่นและเครื่องประดับ เติบโตร้อยละ 51 โดยความสำเร็จจากคอลเล็กชันของแบรนด์ ตั้งแต่ต้นปี 2021 จากการจัดงานแฟชั่นโชว์ อาทิ The women’s Autumn-Winter 2021 ในรูปแบบดิจิทัล 3 ช่วง จากนิวยอร์ก สหรัฐฯ ฝรั่งเศส และเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้านกลุ่มผ้าไหมและผ้าชั้นสูง เติบโตร้อยละ 34 อันเนื่องจากความคิดสร้างสรรค์ของชิ้นงานที่ถูกอกถูกใจกลุ่มลูกค้าชาวเอเชีย ขณะที่กลุ่มน้ำหอมและความงาม เติบโตร้อยละ 21 จากการเปิดตัวสินค้าใหม่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้แก่ น้ำหอมสำหรับผู้ชาย H24 และกลุ่มลิปสติกสีใหม่ๆ ที่วางจำหน่ายในคอลเล็กชัน Spring-Summer 2021 ที่ผลิตแบบจำนวนจำกัด สำหรับกลุ่มที่เติบโตและน่าจับตามองที่สุดกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มนาฬิกาหรู ที่ไตรมาสแรกของปี 2021 เติบโตร้อยละ 96 เป็นผลงานที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการสร้างกลุ่มธุรกิจนาฬิกาที่ผสมผสานศิลปะและความสร้างสรรค์ลงไป อาทิ นาฬิการุ่น H08 ที่มาพร้อมกับดีไซต์สปอร์ต และนำไปเปิดตัวในงาน Watches and Wonders international fair ที่กรุงเจนีวา ทั้งนี้ในกลุ่มสินค้าประเภทอื่นๆ Hermes มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี อาทิ ชุดเครื่องจานชามและกลุ่มจิลเวอร์รี่ กลุ่มจิลเวอร์รี่ชั้นสูง อาทิ คอลเล็กชัน Lignes ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2021 สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2021 สถานการณ์โควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลประกอบการ สิ่งที่ Hermes โฟกัสสำหรับปีนี้คือการนำเสนอคุณภาพดีเยี่ยมจากการผลิตแบบปราณีตและการให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายธุรกิจ โดยความคิดสร้างสรรค์ของคอลเล็กชันต่างๆ จะสร้างและรักษาฐานลูกค้าให้เราในอนาคต และปี 2021 Hermes จะสร้างธุรกิจในธีม "The odyssey" ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมั่นใจกล้าคิด ท่ามกลางความไม่แน่นอนของโลกในปัจจุบัน อ่านเพิ่มเติม: การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีญี่ปุ่น ประจำปี 2021ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine