แม้ Selena Gomez จะเคยเปิดเผยว่าตัวเองมีความมั่งคั่งหลักพันล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่จากการประเมินของ Forbes พบว่ามูลค่าทรัพย์สินของนักธุรกิจสาวอดีตดาวเด่นแห่ง Disney อาจไม่ได้มากถึงขนาดนั้น มาดูกันว่าทำไม
ตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Forbes ได้เผยแพร่รายงานข่าวถึงปัญหาการเงินของ Wondermind สตาร์ทอัพด้านสุขภาพจิตที่ผู้ร่วมก่อตั้งคือ Selena Gomez นักแสดงสาวผู้ผันตัวมาทำธุรกิจ โดยสตาร์ทอัพนี้ไม่สามารถจ่ายเงินแก่พนักงาน ฟรีแลนซ์ และเวนเดอร์รายต่างๆ ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทั่งวันจันทร์ (12 พฤษภาคม 2025) แหล่งข่าวระบุว่ามีพนักงาน 9 คนถูกเลิกจ้างโดยได้รับเงินชดเชย (เท่ากับค่าจ้าง 2 สัปดาห์) ปัจจุบันจึงเหลือพนักงานเพียง 4 คนเท่านั้น
Forbes รายงานว่า Wondermind สตาร์ทอัพที่ Gomez ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 ร่วมกับแม่ของเธอ Mandy Teefey และผู้ประกอบการสาวเจ้าของธุรกิจสื่อ Daniella Pierson (ซึ่งออกจาก Wondermind ไปในปี 2023) พบว่ามีหนี้สินคงค้างหลายหมื่นล้านเหรียญ ซึ่งทางบริษัทระบุว่าได้ชำระหนี้ดังกล่าวไปแล้ว
จากข้อมูลที่ Forbes ได้รับข้อมูลว่า Teefey ซีอีโอของ Wondermind บอกกับพนักงานว่า เธอได้ขอสินเชื่อโดยใช้บ้านส่วนตัวมาจำนองไว้เพื่อช่วยประคองสถานการณ์ให้ไปต่อได้
ปัญหาของ Wondermind นำไปสู่การถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนบนโลกออนไลน์ว่า “มูลค่าความมั่งคั่งของ Gomez อยู่ที่เท่าไหร่ หากว่าสตาร์ทอัพที่เธอร่วมก่อตั้งไม่สามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานหรือชำระหนี้ต่างๆ ได้?”
ในเดือนกันยายน 2024 สำนักข่าว Bloomberg เปิดเผยว่า Gomez มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 1.3 พันล้านเหรียญด้วยรายได้จากแบรนด์เครื่องสำอาง Rare Beauty ที่เธอก่อตั้งขึ้นในปี 2019 และเปิดตัวในปี 2020 สื่ออื่นๆ ต่างก็พากันเรียก Gomez วัย 32 ปีว่ามหาเศรษฐีนีพันล้านด้วยเช่นกัน
อ้างอิงจากรายงานของ Forbes นั้น Gomez ร่ำรวยจริง แต่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเธออยู่ที่ราว 700 ล้านเหรียญเท่านั้น ตัวเลขดังกล่าวทำให้เธอเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการหญิงที่สร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเองที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในรายชื่อคนดังที่ร่ำรวยที่สุด
ท่ามกลางปัญหาที่ Wondermind เผชิญอยู่ หากมาเจาะลึกในทรัพย์สินต่างๆ ของ Gomez อาจช่วยให้เราเข้าใจว่า เธอสามารถลงทุนได้มากแค่ไหน หรือเหตุผลอะไรที่ทำให้เธออาจลงทุนในบริษัทได้อย่างจำกัด
ทรัพย์สินของ Gomez ส่วนใหญ่มาจากการถือหุ้นกว่า 51% ในแบรนด์เครื่องสำอาง Rare Beauty ส่วนผู้ถือหุ้นอื่นๆ ซึ่งเป็นที่รู้จัก ได้แก่ บริษัทลงทุน New Theory Ventures ซึ่งก่อตั้งโดย Nikki Eslami อีกทั้งยังมี Scott Friedman ซีอีโอ Rare Beauty ที่ดำรงตำแหน่งนี้มาตั้งแต่วันแรก ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นซีอีโอแบรนด์ NYX Cosmetics จนถึงปี 2017 หลังช่วย Toni Ko ผู้ก่อตั้งแบรนด์ขายบริษัทให้ L’Oreal มูลค่า 500 ล้านเหรียญได้สำเร็จ
เอกสารที่เผยแพร่ในปี 2021 ณ เมือง Southaven รัฐมิสซิสซิปปี ระบุว่าบริษัทโฮลดิ้งของ Gomez มี Eslami และ Friedman เป็นหุ้นส่วนบริษัท Rare Beauty ทั้งยังมีชื่อ Julius Salerno ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทต่อผม Bellami ของ Eslami ด้วย แต่ไม่ชัดเจนว่า Salerno ถือหุ้น Rare Beauty ด้วยหรือไม่ (Eslami และ Friedman ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เมื่อ Forbes ส่งคำถามไป ส่วน Salerno ไม่สามารถติดต่อได้)
Rare Beauty มีการจัดจำหน่ายสินค้าเฉพาะที่ร้าน Sephora และเว็บไซต์ของตัวเอง โดยได้รับความนิยมอย่างมากเพราะผลิตภัณฑ์บลัชออนแบบน้ำ (liquid blush) ในเอกสารที่เผยแพร่ ณ รัฐแคลิฟอร์เนียเผยว่า Rare Beauty มีรายได้ 367 ล้านเหรียญในปี 2023 ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดเท่าที่สามารถเข้าถึงได้ในปัจจุบัน ในภาพรวม Forbes ประเมินมูลค่าบริษัทไว้ราว 1.3 พันล้านเหรียญ ซึ่งมีความเห็นจากนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจความงามว่าบริษัทเติบโตขึ้นในปี 2024 แต่มูลค่าของบริษัทก็ปรับลดลงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
“ภาวะตลาด ณ ตอนนี้ส่งผลให้มูลค่าบริษัทลดลงลง” Dan Su นักวิเคราะห์จาก Morningstar กล่าว “ว่ากันตามตรง สำหรับฉันแล้วเครื่องสำอางเป็นธุรกิจที่มีอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดค่อนข้างต่ำค่ะ ดังนั้นจึงมีการแข่งขันที่สูงมาก”
นอกเหนือจาก Rare Beauty แล้ว Gomez ยังกวาดรายได้ราว 90 ล้านเหรียญจากรายการโทรทัศน์ เพลง การโฆษณาให้แบรนด์ต่างๆ และเดินสายออกทัวร์ ซึ่งยังรวมถึงรายได้อีก 30 ล้านเหรียญที่เธอได้จากการคอลแล็บกับ Puma ในปี 2017 ไว้แล้ว เช่นเดียวกับรายได้ประมาณ 24 ล้านเหรียญจากซีรีส์คอเมดี้เรื่อง Only Murders in the Building ทางช่อง Hulu ที่ได้รับรางวัล Emmy Awards ซีรีส์เรื่องนี้เธอยังเป็นผู้อำนวยการบริหารการผลิตและแสดงนำเคียงข้างดาวดัง Steve Martin และ Martin Short
เธอยังแสดงบทสำคัญในภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เรื่อง Emilia Perez โดยตัวเธอเองก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงหญิงสมทบยอดเยี่ยมอีกด้วย นอกจากนี้เธอยังมีส่วนร่วมบริหารการผลิตซีรีส์ดังทาง Netflix เรื่อง 13 Reasons Why
ย้อนกลับไปในปี 2020 นักร้องและนักแสดงสาวทุ่มเงินเกือบ 5 พันล้านเหรียญเพื่อซื้อบ้านใน Encisno ที่ซึ่งเธอใช้ถ่ายทำรายการทำอาหาร Selena + Chef ถึง 3 ซีซั่น เมื่อเร็วๆ นี้เธอก็เพิ่งซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 35 ล้านเหรียญใน Beverly Hills ร่วมกับคู่หมั้น Benny Blanco แต่ตัวแทนของ Gomez ปฏิเสธจะให้ความคิดเห็นใดๆ เมื่อ Forbes ทำการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของเธอ
ปัจจุบัน Gomez อายุ 32 ปี ทว่าเธอเริ่มต้นชีวิตการทำงานตั้งแต่อายุ 10 ขวบกับการแสดงบทบาท Gianna ในซีรีส์สำหรับเด็กเรื่อง Barney and Friends ในปี 2002 - 2004 ความนิยมของเธอพุ่งสูงในอีก 3 ปีถัดมากับบทนำ Alex Russo ในซีรีส์ Wizards of Waverly Place ของทาง Disney Channel ในปี 2007
เช่นเดียวกับนักแสดงที่แจ้งเกิดกับ Disney รายอื่นๆ Gomez เองก็เบนเข็มไปยังวงการดนตรี เธอปล่อยอัลบั้มแรกในปี 2008 และยังมีตามหาถึง 6 อัลบั้มในภายหลัง ผลงานเพลงล่าสุดของเธอเป็นการคอลแล็บกับ Blanco ซึ่งเพิ่งปล่อยไปในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม Gomez ไม่ได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตเลยตั้งแต่ปี 2016 และไม่ได้ทำเงินได้มากเท่านักร้องผู้มั่งคั่งคนอื่นๆ อาทิ Taylor Swift และ Beyonce ที่สร้างรายได้รวมหลายร้อยล้านเหรียญตลอดหลายปีมานี้โดยเฉพาะจากทัวร์คอนเสิร์ต
ยังไม่แน่ชัดว่า Gomez นำเงินส่วนตัวมาลงทุนใน Wondermind มากแค่ไหนตลอดหลายปีมานี้ ซึ่งปี 2022 ภายหลังการเปิดตัวบริษัทฯ มาหนึ่งปี บริษัทฯ ได้ระดมทุนรอบ Series A กว่า 5 ล้านเหรียญ จากที่ในขณะนั้นมีการประเมินมูลค่าบริษัทฯ ที่ราว 100 ล้านเหรียญ นักลงทุนในรอบนี้นำโดย Serena Ventures ของอดีตนักเทนนิสสาว Serena Williams และสำนักงานครอบครัวของ Barry Sternlicht มหาเศรษฐีวงการอสังหาฯ (ในรายงานของ PitchBook และสื่ออื่นๆ เผยชื่อ Sequoia Capital และ Lightspeed Ventures ในกลุ่มนักลงทุนด้วย แต่ทั้งสองบริษัทบอกกับ Forbes ว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง)
Wondermind พยายามดิ้นรนหาเงินทุนเพิ่มเติมตลอดมา จากคำให้การของหนึ่งในอดีตพนักงานที่ขอไม่เปิดเผยตัวตน Teefey บอกกับบุคคลผู้นี้ว่า เธอและ Gomez ทุ่มเงินส่วนตัวมูลค่า 8 ล้านเหรียญลงในสตาร์ทอัพนี้เมื่อกลางปี 2023 ไม่นานมานี้ Teefey เผยกับพนักงานในบริษัทว่ากำลังจะปิดดีลการระดมทุนรอบ Series B แต่ก็ยังไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด
ทุกอย่างมาถึงจุดวิกฤตในวันที่ 31 มีนาคม 2025 เมื่อบรรดาพนักงานไม่ได้รับเงินเดือน แต่กลับได้อีเมลบอกว่าสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพของพวกเขาถูกยกเลิกไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน บริษัทยังเบี้ยวการจ่ายเงินเดือนอีกครั้งในวันที่ 30 เมษายน กระทั่งเมื่อมีการประชุมพนักงาน ณ วันที่ 8 พฤษภาคม Teefey บอกว่าเธอได้นำบ้านของตัวเองมาจำนองเพื่อชำระหนี้คงค้างต่างๆ
ทั้งหมดทั้งมวลนำไปสู่การปลดพนักงานออกในวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม โฆษกของ Wondermind ออกมาชี้แจงว่า “ไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง” กับพนักงานบางรายที่พเล่าให้กับ Forbes ฟังเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงินของบริษัท
ขณะเดียวกัน Gomez ที่พนักงานหลายคนบอกว่า เธอไม่ค่อยได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสตาร์ทอัพด้านสุขภาพจิตนี้มากนัก ก็กำลังยุ่งอยู่กับตารางงานอื่นๆ ทั้งการถ่ายทำซีรีส์ Only Murders in the Building ซีซั่นที่ 5 ที่ New York City รวมไปถึงการโฟกัสกับแบรนด์เครื่องสำอาง Rare Beauty โดยเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา Gomez เจ้าของยอดผู้ติดตาม 420 ล้านรายบนอินสตาแกรมโพสต์ว่าเธอได้ทำการเซอร์ไพรส์ผู้มาร่วม Mental Health Summit ที่จัดขึ้นโดย Rare Beauty ณ เมือง Los Angeles ด้วยการมาปรากฏตัวขึ้นที่งาน
ปัจจุบัน Gomez มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการบริษัทเครื่องสำอางอย่างมาก ทั้งนี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมความงามต่างคาดการณ์กันว่าธุรกิจ Rare Beauty จะไปได้ไกลกว่าพึ่่งพาพลังจากชื่อเสียงของดาราสาว
Ashleigh Barker หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ความงามและการดูแลส่วนบุคคลที่บริษัทให้คำปรึกษาด้านการลงทุน Lincoln International กล่าวว่า “ข้อเท็จจริงคือ มันไม่ใช่แค่แบรนด์ความงามของ Selena Gomez แต่เป็นแบรนด์ Rare Beauty ที่ยืนหยัดเพื่อคุณค่าที่สอดคล้องกับที่ Selena ยึดถือ บอกเล่า และส่งสารไปถึงผู้ติดตาม ทั้งยังขยับขยายไปไกลกว่าตัวเธอในฐานะบุคคล...แบรนด์สามารถยืนหยัดบนขาของตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยชื่อเสียงของเธอ ฉันคิดว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้แบรนด์นี้ทรงพลัง”
สำหรับฝีไม้ลายมือของ Gomez นั้นไร้ข้อกังขา ทั้งจากประสบการณ์กว่า 22 ปีในการทำธุรกิจ และความสำเร็จในหลากหลายสาขา รวมไปถึงฐานแฟนจำนวนมหาศาล ทั้งหมดนี้จะเป็นแรงผลักดันพาเธอไปสู่อีกหน้าหนึ่งของชีวิตอย่างแน่นอน
แปลและเรียบเรียงจาก Why Selena Gomez Isn’t A Billionaire
ภาพโดย Angela Weiss on AFP
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ก้าวใหม่ของ Airbnb เป็นมากกว่าแพลตฟอร์มหาที่พัก แต่ยังให้ประสบการณ์แบบ local
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine