Japan Times รายงานสถานการณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น โดยระบุว่าราคาค่าห้องพักโรงแรมในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม 2567 นั้นแพงขึ้นจนแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี ท่ามกลางสถานการณ์เงินเยนอ่อนค่าหนักจนเงินเยนราคาถูก และฤดูดอกซากุระบานดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาญี่ปุ่นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์
จากข้อมูลของ CoStar Group พบว่าราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวันในเดือนมีนาคมอยู่ที่ประมาณ 20,986 เยน หรือราว 5,017 บาท (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 19 เม.ย. 2567) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2540 และเพิ่มขึ้นเกือบ 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้อัตราการเข้าพักโรงแรมโดยเฉลี่ยก็เพิ่มขึ้นเป็น 78% ด้วย
ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีผู้มาเยือนญี่ปุ่นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 3.1 ล้านคน ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับนักท่องเที่ยวขาเข้า
โดยนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นมากสุด ได้แก่ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และจีน ท่ามกลางฤดูดอกซากุระบาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาดึงดูดนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว
Harumi Taguchi นักเศรษฐศาสตร์หลักของ S&P Global Market Intelligence กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาโรงแรมพุ่งสูงขึ้นคือการขาดแคลนแรงงานในญี่ปุ่น
“เพื่อให้สามารถครอบคลุมอัตราการเข้าพักที่สูง พร้อมๆ กับการขาดแคลนแรงงาน ก็ต้องเพิ่มราคาโรงแรม” เธอกล่าว “มีดีมานด์สูงจากนักท่องเที่ยวขาเข้า ดังนั้น นี่จึงเป็นสภาพแวดล้อมที่ขึ้นราคาได้ง่าย”
เงินเยนที่อ่อนค่าลงยังช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวอีกด้วย โดยข้อมูลจากสำนักงานการท่องเที่ยวญี่ปุ่นระบุว่า ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่าย 1.75 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 52% จากปี 2562 ซึ่งนักช็อปต่างจับจ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยในราคาลดพิเศษเช่นกัน
“หากดีมานด์จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาโรงแรมก็อาจจะสูงขึ้นต่อไป” Taguchi กล่าว “และด้วยค่าเงินเยนที่อ่อนค่า ชาวต่างชาติก็ยังจ่ายค่าที่พักได้ราคาถูกอยู่ดี”
แปลและเรียบเรียงจาก Japan hotel prices near 30-year high as weak yen lures record tourists
Photo by Pavlo Klein on Unsplash
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เปิด 8 จุดหมายท่องเที่ยวสุดคุ้มทั่วเอเชีย ‘อุดรธานี’ คว้าอันดับ 1 เดินทางง่าย ที่เที่ยวหลากหลาย ค่าใช้จ่ายไม่แพง
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine
