ผู้คนทั่วภูมิภาคเอเชียกำลังตั้งตารอวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ระหว่างนี้ อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว จึงเผยรายชื่อ 8 จุดหมายปลายทางที่ราคาห้องพักคุ้มค่าที่สุดโดยเฉลี่ยในเอเชีย ระหว่างเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม 2567 โดยอุดรธานีครองอันดับ 1 ในปีนี้ เลื่อนขึ้นมาแย่งตำแหน่งแชมป์เก่าอย่างขอนแก่นที่อยู่อันดับเดียวกันในปี 2566 ที่ผ่านมา
เดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่มีวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดยาวจำนวนหลายวัน อโกด้าจึงขอแนะนำ 8 จุดหมายปลายทางยอดนิยมสุดคุ้มค่าในเอเชีย ซึ่งอุดรธานีที่ครองอันดับ 1 ในปีนี้ มีราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ 1,022 บาท
ส่วนจุดหมายปลายทางอื่นๆ ที่มีราคาที่พักเฉลี่ยต่ำที่สุดในเอเชีย ได้แก่ สุราบายา (อินโดนีเซีย), เว้ (เวียดนาม), กูชิง (มาเลเซีย), อีโลอีโล (ฟิลิปปินส์), เบงกาลูรู (อินเดีย), นาริตะ (ญี่ปุ่น) และเกาสง (ไต้หวัน) ตามลำดับ
Pierre Honne ผู้อำนวยการอาวุโสประจำประเทศไทย อโกด้า กล่าวว่า “เนื่องจากผู้คนทั่วเอเชียต่างตั้งตารอวันหยุดนักขัตฤกษ์จำนวนมากที่กำลังจะมาถึง เช่น วันสงกรานต์ วันฮารีรายอ และโกลเด้นวีค เดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคมจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการวางแผนหยุดไปท่องเที่ยวพักผ่อน ที่อโกด้าเรามุ่งมั่นช่วยให้ทุกคนออกเดินทางท่องโลกทั้งใบได้ในราคาที่ถูกลงอยู่เสมอ ซึ่งการแนะนำจุดหมายปลายทางที่คุ้มค่าที่สุดในเอเชียก่อนช่วงวันหยุดชุกจะมาถึงครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราที่เห็นได้อย่างชัดเจน”
แม้จะเป็นจุดหมายปลายทางที่มีราคาห้องพักเฉลี่ยต่ำที่สุด แต่เมืองเหล่านี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาอย่างเบงกาลูรูและเกาสง หรือเมืองติดแม่น้ำที่บรรยากาศผ่อนคลายอย่างเว้และกูชิง มาดูไฮไลท์ของ 8 เมืองท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในเอเชียกันเลย
1. อุดรธานี, ไทย (ราคาห้องพักเฉลี่ย 1,022 บาท)
ในฐานะที่เป็น 1 ใน 4 เมืองใหญ่ในภาคอีสาน อุดรธานีจึงเป็นจังหวัดที่คุ้มค่าที่จะไปเที่ยว เมืองอันครึกครื้นแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมาย เช่น สวนสาธารณะหนองประจักษ์ที่มีทะเลสาบล้อม ประตูมังกร และพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี อุดรธานีเป็นเมืองที่ไปเที่ยวง่ายเพราะมีสนามบิน นักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือใครที่อยากไปต่อที่ลาว ก็สามารถไปเที่ยวชมความสวยงามของกรุงเวียงจันทน์ที่อยู่เพียงอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำโขงได้อย่างสะดวก
2. สุราบายา, อินโดนีเซีย (ราคาห้องพักเฉลี่ย 1,423 บาท)
สุราบายา เมืองใหญ่ในชวาตะวันออก ถือเป็นอีกหนึ่งอัญมณีแห่งอินโดนีเซีย เมืองท่าที่เจริญรุ่งเรืองแห่งนี้มีครบทุกอย่าง ตั้งแต่สถาปัตยกรรมเก่าแก่ไปจนถึงตึกระฟ้าสมัยใหม่ และยังเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมยาวนาน ผสมผสานระหว่างอิทธิพลของชวา จีน และอาหรับ ใครที่ชอบงานฝีมือแบบดั้งเดิม และต้องการลองอาหารใหม่ๆ ต้องไม่พลาดตลาด Pasar Atom ซึ่งมีงานฝีมือแบบดั้งเดิมมากมาย และอาหารอร่อยอย่าง Lotong Balap และ Sate Klopo
3. เว้, เวียดนาม (ราคาห้องพักเฉลี่ย 1,569 บาท)
เว้ ตั้งอยู่ในตอนกลางของเวียดนาม เป็นเมืองเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ที่นี่คยเป็นเมืองหลวงเก่าของราชวงศ์เหงียน เว้มีชื่อเสียงในด้านอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ เช่น Imperial City แหล่งมรดกโลกของยูเนสโกซึ่งมีพระราชวัง และวัดวาอารามอันงดงามอยู่มาก Perfume River ที่ไหลผ่านเพิ่มเสน่ห์ให้เมือง นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือเพื่อเพลิดเพลินกับวิวสถาปัตยกรรมริมฝั่งแม่น้ำได้ เป็นอีกหนึ่งเมืองในเวียดนามที่ควรไปเยือน
4. กูชิง, มาเลเซีย (ราคาห้องพักเฉลี่ย 1,788 บาท)
กูชิง เมืองหลวงของรัฐซาราวักในมาเลเซีย เป็นเมืองที่ความมีชีวิตชีวาที่มีเอกลักษณ์ผสมผสานกับความงามของธรรมชาติได้อย่างน่าทึ่ง กูชิงตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ริมแม่น้ำซาราวัก ถือเป็นศูนย์กลางของศิลปะและงานฝีมือ Main Bazaar, Carpenter Street และ Sunday Market คือตลาด และถนนคนเดินยอดนิยมอันดับต้นๆ ของคนที่ชื่นชอบงานหัตถกรรม และของที่ระลึกจากคนในพื้นที่ ส่วนใครที่อยากเที่ยวธรรมชาติต้องไม่พลาด Bako National Park อุทยานแห่งชาติที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งมีทั้งป่าฝน สัตว์ป่า และชายหาดรวมอยู่ในที่เดียว
5. อีโลอีโล, ฟิลิปปินส์ (ราคาห้องพักเฉลี่ย 1,818 บาท)
ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่อยู่ในจุดศูนย์กลาง อีโลอีโลจึงมีอีกชื่อคือ ‘หัวใจของประเทศ’ ไม่ไกลออกไปยังมี Islas de Gigantes ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย กลุ่มเกาะแห่งนี้มีทั้งหาดทรายขาวสะอาด ทะเลสาบที่สวยงาม และอาหารทะเลสดตามร้าน นอกจากนี้อีโลอีโลยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง ่เพียงนั่งเฟอร์รีจากบาโกลอดก็ถึง ทำให้เป็นเมืองยอดนิยมในหมู่ผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์
6. เบงกาลูรู, อินเดีย (ราคาห้องพักเฉลี่ย 2,000 บาท)
เบงกาลูรู ‘ซิลิคอนแวลลีย์แห่งอินเดีย’ เป็นมากกว่าศูนย์กลางเทคโนโลยีที่กำลังเติบโต เป็นสถานที่ที่เสน่ห์ของโลกเก่าและความทันสมัยมาบรรจบกัน สถานที่ที่จะสัมผัสได้ทั้งอดีตและอนาคตของอินเดีย แม้ว่าจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของเมืองจะมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ก็มีประวัติศาสตร์มากมายที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม เช่น พระราชวังบังกาลอร์อันงดงาม และวัดนันดี ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 อีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเบงกาลูรูติดคืออาหารท้องถื่นที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะอาหารอินเดียใต้ที่มีมากมาย
7. นาริตะ, ญี่ปุ่น (ราคาห้องพักเฉลี่ย 2,582 บาท)
เมื่อพูดถึงนาริตะ สิ่งแรกที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินึกถึงก็น่าจะเป็นสนามบินนานาชาตินาริตะ ซึ่งเป็นประตูสู่โตเกียว จริงๆ แล้วเมืองนาริตะในจังหวัดชิบะของญี่ปุ่นมีมากกว่าการเป็นเมืองผ่าน ที่นี่มีแทบทุกสิ่งอย่างที่เมื่อพูดถึงญี่ปุ่นใครๆ ก็ต้องนึกถึง เช่น วัดชินโชจิ ถนนนาริตะซัง โอโมเตะซันโดดั้งเดิม และความงามตามฤดูกาลของดอกซากุระ ทำให้เมืองนี้คุ้มค่าแก่การไปเที่ยวชมอย่างยิ่ง
8. เกาสง, ไต้หวัน (ราคาห้องพักเฉลี่ย 3,672 บาท)
เกาสง เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวันที่ไม่ควรพลาด เป็นเมืองที่เดินทางไปง่ายด้วยสนามบินนานาชาติ อีกทั้งมีรถไฟความเร็วสูงไปไทเป และเถาหยวนด้วย เขตหยานเฉิงของเมืองเป็นสถานที่น่าไป เหมาะสำหรับการเดินเล่นชมสตรีทอาร์ตมากมาย และเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งในโกดังบนท่าเรือ ใครที่กำลังวางแผนไปเกาสง ลองแวะไปที่ Big Egg อารีน่าของเมืองที่รองรับผู้คนได้เกือบ 85,000 คน และเมื่อเร็วๆ นี้เป็นเจ้าภาพต้อนรับซูเปอร์สตาร์ระดับนานาชาติอย่าง Coldplay และ Blackpink
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : The 1 Insight เผย ยอดใช้จ่ายสงกรานต์ปี 67 โตต่อเนื่อง หลังปี 66 เงินสะพัดจากนักท่องเที่ยว 200%
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine