ผู้บริหารของ Pinterest ที่สาธารณชนรู้จัก ได้แก่ Ben Silbermann และ Evan Sharp แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าในยุคก่อตั้งนั้นยังมีผู้บริหารอีกคนหนึ่งที่ร่วมฝ่าฟันด้วยกันมานั่นคือ Paul Sciarra เขายังคงถือหุ้น 8% ในบริษัท และเมื่อ Pinterest เข้าเทรดในตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ Sciarra จึงทำเงินได้มากกว่า 806 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตั้งแต่เปิดขาย ขณะที่ตัว Sciarra เองหันไปบริหารสตาร์ทอัพแห่งใหม่ซึ่งทำธุรกิจแท็กซี่อากาศยานพลังงานไฟฟ้า
Pinterest แพลตฟอร์มที่เป็นเหมือนกระดานปักหมุดไอเดียสร้างสรรค์ ก่อตั้งในปี 2010 และในที่สุดก็ได้เปิดระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ New York เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2019 บริษัทเปิดไอพีโอในราคาต่ำกว่าคาดที่ 19 เหรียญต่อหุ้น และเข้าตลาดในขณะที่บริษัทยังไม่ทำกำไร
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ใช้งาน 250 ล้านคนต่อเดือน รวมถึงรายได้จากโฆษณามูลค่า 755 ล้านเหรียญเมื่อปี 2018 ซึ่งเติบโตขึ้นถึง 60% จากปีก่อนหน้า น่าจะเป็นแรงดึงดูดต่อนักลงทุน ทำให้ราคาหุ้น PINS หลังปิดตลาดวันแรกเพิ่มขึ้น 28% เป็น 24.40 เหรียญต่อหุ้น
สำหรับผู้ก่อตั้ง Pinterest ทั้งสามคนยังคงถือหุ้นในบริษัท
Ben Silbermann ซีอีโอคนปัจจุบัน ถือหุ้น 11.6% (รวมที่ถือโดยครอบครัวของเขาด้วย) คิดเป็นมูลค่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่
Evan Sharp ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ถือหุ้น 2.6% คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านเหรียญ และผู้ร่วมก่อตั้งอีกรายคือ
Paul Sciarra แม้ไม่ได้นั่งตำแหน่งใดๆ แล้วแต่เขายังคงมีหุ้นอยู่ถึง 8% สร้างความมั่งคั่งให้เขา 806 ล้านเหรียญ (*ทั้งหมดคำนวณจากมูลค่าหุ้น PINS ณ ราคาเปิดขาย 19 เหรียญต่อหุ้น)
ความสำเร็จจากแอพฯ ที่ล้มเหลว
Sciarra เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับ Silbermann ที่ Yale University เมื่อ Silbermann เลือกจะทำตามความฝันที่จะสร้างผลิตภัณฑ์บางอย่างขึ้นมาเองและตัดสินใจลาออกจากงานที่
Google เขาชักชวน Sciarra ให้มาร่วมเส้นทางสตาร์ทอัพด้วยกัน แรกเริ่มพวกเขาก่อตั้งบริษัท
Cold Brew Labs เมื่อปี 2008 เพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่น
Tote ซึ่งเป็นแอพฯ ช้อปปิ้งสินค้าบนแพลตฟอร์ม iOS
แต่แทนที่ผู้ใช้จะซื้อสินค้าผ่าน Tote พวกเขากลับใช้แอพฯ นี้ในการเก็บบันทึกไอเดียผลิตภัณฑ์ที่ตนสนใจ เหมือนกับการพับมุมหน้าแคตตาล็อกสินค้าเอาไว้ แอพฯ แรกที่กลุ่ม Cold Brew Labs พัฒนาไม่ประสบความสำเร็จแต่ก็นำไปสู่การสร้าง Pinterest และการชักชวนผู้ร่วมก่อตั้งคนที่สามคือ Sharp เข้ามาร่วมงาน
พวกเขาเล็งเห็นกระแสโซเชียลมีเดียที่ถือกำเนิดในยุคนั้นอย่าง Facebook หรือ Twitter ว่าเป็นกลุ่มชุมชนที่สนทนาผ่านข้อความเป็นหลักและเน้นเชื่อมสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อน
ดังนั้น Pinterest จึงแตกต่างด้วยการเน้นการสื่อสารผ่านรูปภาพ และเป็นการสร้างชุมชนของคนที่สนใจในสิ่งเดียวกันหรือมีกิจกรรมแบบเดียวกันแม้จะไม่ได้รู้จักกันในชีวิตจริง
ยุคก่อตั้งของ Pinterest ค่อนข้างลำบาก เทียบกับสตาร์ทอัพในยุคนั้นที่เติบโตแบบก้าวกระโดดและสร้างเครือข่ายมากมาย แอพฯ ของทั้งสามคนเติบโตอย่างช้าๆ บุคลากรที่ร่วมงานต้องนำคอมพิวเตอร์มาเองและไม่ได้รับสวัสดิการอะไรมาก แม้แต่การระดมทุนก็เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น
“เราถูกปฏิเสธจากเวนเจอร์แคปิตอลเกือบทุกแห่งในรอบระดมทุนรอบแรกๆ” Sciarra เปิดเผย แต่พวกเขาก็เติบโตมาได้จนถึงก่อนเปิดไอพีโอ Pinterest มีการระดมทุนสะสม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
จากสตาร์ทอัพมาเป็นนักลงทุน
Sciarra ไม่ได้อยู่กับบริษัทจนถึงยุครุ่งโรจน์ เขาเป็นประธานกรรมการและซีอีโอบริษัทตั้งแต่แรกก่อตั้งในปี 2010 ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ Silbermann ในเดือนเมษายน 2012 “Ben คือผู้พัฒนาให้บริษัทไปสู่เฟสต่อไปได้ และเขาทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม” Sciarra กล่าวในปี 2014 หลังจากที่เขาลาออกจากบริษัทแล้ว
หลังจากลาออก Sciarra หันเหไปเป็นผู้ประกอบการเวนเจอร์แคปิตอล
Andreessen Horowitz ซึ่งเป็นบริษัทที่เข้ามาลงทุนกับ Pinterest ด้วยเม็ดเงิน 27 ล้านเหรียญเมื่อปี 2011 จากการร่วมงานกับ Andreessen Horowitz นี่เองที่ทำให้ Sciarra ได้พบกับสตาร์ทอัพ
Joby Aviation บริษัทผู้ผลิตแท็กซี่อากาศยานพลังงานไฟฟ้าซึ่งมุ่งเป้าตอบโจทย์การแก้ปัญหาการจราจรติดขัด
Sciarra และ
Ron Conway อีกหนึ่งนักลงทุนในรอบระดมทุนแรกๆ ของ Pinterest เข้ามาเป็น angel investor ใน Joby Aviation ตัว Sciarra เองลงทุนตั้งแต่รอบ seed stage เมื่อปี 2016 จนถึงปัจจุบัน Joby ระดมทุนมาถึงรอบ Series B แล้ว และระดมทุนได้รวม 130 ล้านเหรียญ จากสารพัดกองทุน เช่น Capricorn Investment Group, 8VC, JetBlue Technology Ventures, Toyota AI Ventures, Intel Capital
อดีตซีอีโอผู้ผันตัวเป็นนักลงทุนอย่าง Sciarra กำลังมุ่งมั่นกับ Joby เป็นอย่างมากในฐานะประธานกรรมการของบริษัท เขากล่าวถึง Joby ในบล็อกส่วนตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ว่า
ภารกิจของบริษัทคือการประหยัดเวลา 1 ชั่วโมงต่อวันให้กับผู้คน จากการหลีกเลี่ยงรถติดด้วย “การคลิกเพียงครั้งเดียว” โดยพาหนะของบริษัทจะทำให้ผู้คนเดินทางได้เร็วขึ้น 5 เท่าเทียบกับการขับรถและไม่มีการปล่อยมลพิษออกสู่บรรยากาศ
แม้เขาจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ Sciarra เป็น “ตัวจริง” คนหนึ่งในวงการสตาร์ทอัพแห่งสหรัฐฯ เขาให้คำแนะนำกับเหล่าผู้ก่อตั้งและผู้ประกอบการที่กำลังไล่ล่าฝันว่าอะไรที่จะเป็นกุญแจไปสู่ความสำเร็จ
“ในขั้นแรกๆ ของการก่อตั้งบริษัทหรือผลิตภัณฑ์ ไม่มีใครรู้จริงๆ หรอกว่าอะไรที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นอย่ารับฟังคำว่า ‘ไม่’ อย่างจริงจังเกินไป แม้แต่คำว่า ‘ไม่’ จากคนที่ฉลาดมากๆ หรือมีชื่อเสียงก็ตาม”
ที่มา