NISSAN มั่นใจ 'แผนฟื้นฟูกิจการ' จะหนุนรายได้ปี 2025 ให้เป็นไปตามเป้า 11.7 ล้านล้านเยน จากการวางแผนลดทุนด้วยนวัตกรรมต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพอีกทั้งที่ผ่านมา ยังได้ทำการขายสำนักงานใหญ่ในเมืองโยโกฮามาเพื่อสร้างรายได้ราว 97,000 ล้านเยน ให้กับ Minth Group ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สัญชาติไต้หวัน และทำสัญญาเช่ากลับอีก 20 ปี เพื่อให้การดำเนินงานยังเดินหน้าต่อไปได้...แม้ครึ่งปีแรกจะขาดทุนไปประมาณ 2.77 หมื่นล้านเยน
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประกาศผลประกอบการทางการเงินสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 คาดการณ์ผลประกอบการทั้งปีที่ยืนยันจุดคุ้มทุนของกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกระทบจากภาษีศุลกากร) โดยในช่วงครึ่งปีแรก นิสสันมียอดขายทั่วโลก 1.48 ล้านคัน มีรายได้สุทธิรวม 5.6 ล้านล้านเยน มีผลประกอบการขาดทุนจากการดำเนินงาน 2.77 หมื่นล้านเยน และขาดทุนสุทธิราว 2.22 แสนล้านเยน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้ที่ลดลงจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างของบริษัทที่ใช้วิธีส่วนได้ส่วนเสีย
ทั้งนี้ นิสสัน ยังรายงานฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีสภาพคล่องรวม 3.6 ล้านล้านเยน ซึ่งรวมถึงเงินสดสุทธิ 2.2 ล้านล้านเยน ณ เดือนกันยายนที่ผ่านมา
ผลประกอบการทางการเงินครึ่งปีแรก
ตารางต่อไปนี้สรุปผลประกอบการทางการเงินของนิสสันในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2568 ซึ่งคำนวณตามวิธีการบัญชีส่วนได้เสียของกิจการร่วมค้าของนิสสันในประเทศจีน

ผลประกอบการทางการเงินไตรมาสที่สอง
ตารางต่อไปนี้สรุปผลประกอบการไตรมาสที่สองของปีงบประมาณ 2568 ซึ่งคำนวณตามวิธีการบัญชีส่วนได้ส่วนเสียของกลุ่มบริษัทร่วมทุนในประเทศจีน

แนวโน้มปีงบประมาณ 2568
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา Nissan ได้ประกาศแนวโน้มทั้งปีงบประมาณ 2025 โดยคาดการณ์รายได้สุทธิอยู่ที่ 11.7 ล้านล้านเยน บริษัทคาดว่าจะทำกำไรได้เท่าทุนหากไม่รวมผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา หลังจากพิจารณาผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่คาดการณ์ไว้แล้ว และยังคาดการณ์ว่าจะมีขาดทุนจากการดำเนินงาน 2.75 แสนล้านเยน แม้ปัจจุบันยังยากที่จะประมาณการกำไรสุทธิสำหรับส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่และกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน เนื่องจากการประเมินแผนฟื้นฟูกิจการ Re:Nissan อย่างต่อเนื่อง
สำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2569 นิสสันได้คำนวณตามวิธีการบัญชีส่วนได้ส่วนเสียสำหรับกิจการร่วมค้าของนิสสันในประเทศจีน ดังนี้

อัปเดตแผนฟื้นฟูกิจการ Re:Nissan
นอกเหนือจากผลประกอบการครึ่งปีแรก นิสสันยังได้อัปเดตแผนฟื้นฟู Re:Nissan ที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างผลกำไรจากการดำเนินงานด้านยานยนต์และกระแสเงินสดอิสระให้เป็นบวกภายในปีงบประมาณ 2569 โดยบริษัทฯ ระบุศักยภาพในการประหยัดต้นทุนผันแปรได้ 200,000 ล้านเยน ขับเคลื่อนด้วยแนวคิดนวัตกรรมนับพันที่อยู่ระหว่างการพัฒนาตั้งแต่แนวคิดจนถึงการนำไปใช้จริง เพื่อให้มั่นใจถึงการประหยัดที่ยั่งยืนโดยไม่กระทบต่อคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ การลดต้นทุนคงที่กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว นิสสันได้ส่งมอบผลงานไปแล้วกว่า 80,000 ล้านเยน ในช่วงครึ่งปีแรก และคาดว่าจะทะลุ 150,000 ล้านเยน ภายในสิ้นปีงบประมาณ ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมาย 250,000 ล้านเยนภายในปีงบประมาณ 2569 การดำเนินงานในโรงงาน 6 ใน 7 แห่งเสร็จสิ้นลงแล้ว การปรับปรุงต้นทุนทางวิศวกรรมต่อชั่วโมงอยู่ที่ 12% สู่เป้าหมาย 20% ควบคู่ไปกับการลดความซับซ้อนของชิ้นส่วนอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่สินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์หลักกำลังได้รับการปรับให้เหมาะสม รวมถึงการขายและเช่ากลับของ 'สำนักงานใหญ่ระดับโลกของนิสสัน' ในเมืองโยโกฮามา เป็นมูลค่าราว 97,000 ล้านเยน ให้กับ Minth Group ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สัญชาติไต้หวัน ซึ่งหมายถึงว่านิสสันจะยังใช้สำนักงานใหญ่แห่งนี้ทำงานต่อไป ด้วยการทำสัญญาเช่ากลับเป็นระยะเวลา 20 ปี โดยรายได้จากการขายสำนักงานใหญ่ในครั้งนี้ จะถูกนำไปลงทุนเพื่อปรับปรุงโรงงานให้ทันสมัยและรองรับการเติบโตในอนาคต

อย่างไรก็ตาม Ivan Espinosa, ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนิสสัน เผยว่า “ผลประกอบการครึ่งปีแรกของเราสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่เรากำลังเผชิญ นิสสันกำลังเดินหน้าสู่การฟื้นตัวอย่างมั่นคง แม้ครึ่งปีหลังอาจมีอุปสรรคต่างๆ ตามมา แต่ด้วยความมุ่งมั่น วินัย และการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ผมมั่นใจว่าเราจะสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้น ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างการมองโลกในแง่ดีและการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบภายใต้ Re:Nissan เรากำลังเร่งก้าวไปสู่อนาคต โดยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ตลาดสำคัญๆ และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดบทต่อไปของนิสสัน”
ภาพ : Nissan
แปลและเรียบเรียงจากบทความ : Nissan reports first-half results and forecasts stronger second-half in fiscal 2025
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ผู้ถือหุ้นของ Tesla ลงมติอนุมัติค่าตอบแทนให้ Elon Musk มูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine


