นักธุรกิจจีนแห่นำเงินลงทุนนอกประเทศจำนวนมากในปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนหลากหลายประเภทไล่เรียงตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงสตูดิโอธุรกิจบันเทิง ตีมูลค่าเป็นเงินหลักหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ผู้บริหารบริษัททั่วโลกอาจไม่ได้เห็นนักธุรกิจจีนเข้าคิวรอลงทุนอีกแล้ว เนื่องจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนกำลังถูกกำกับโดยรัฐบาลจีน ทำให้การเคลื่อนย้ายเงินทุนข้ามประเทศยากลำบากมากขึ้น
แม้แต่นักธุรกิจจีนที่มีอิทธิพลก็ไม่ได้รับการยกเว้น ยกตัวอย่างเช่น มหาเศรษฐี Wang Jianlin แห่งบริษัท Wanda Group ผู้ต้องการนำเงิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐไปลงทุนซื้อสตูดิโอ Dick Clark Productions สตูดิโอเบื้องหลังภาพยนตร์และมิวสิกวิดีโอรางวัลลูกโลกทองคำและ Billboard Music Awards ยังต้องยกเลิกการลงทุนไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
โดยบริษัท Eldridge เจ้าของสตูดิโอดังกล่าว กล่าวถึงเหตุผลที่การซื้อขายไม่สำเร็จว่าเกิดจาก “Wanda ไม่สามารถทำตามข้อตกลงผูกมัดตามสัญญาได้” ซึ่งนักวิเคราะห์เสริมว่า สัญญาซื้อขายต้องยกเลิกไปเพราะ Wanda ไม่ได้รับโควตาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามที่ต้องการ
“รัฐบาลจีนมีความกังวลกับสกุลเงินหยวนเป็นอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกใช้นโยบายสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเงินทุนทุกประเภท” Christopher Balding รองศาสตราจารย์จาก HSBC Business School มหาวิทยาลัยปักกิ่งกล่าว
การลงทุนนอกประเทศจีนชะลอตัว
Dealogic รายงานว่า ในไตรมาสแรกปีนี้ ข้อตกลงการลงทุนนอกประเทศจีน 27 ดีลมูลค่ารวม 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐถูกยกเลิก ทำให้มีเพียง 121 ข้อตกลงการลงทุนนอกประเทศมูลค่ารวม 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐที่ได้รับการอนุมัติ ถือว่าชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าการลงทุนนอกประเทศของจีนเมื่อไตรมาสเดียวกันปีก่อน ซึ่งนักธุรกิจจีนปิดดีลไปได้ถึง 794 ข้อตกลงการลงทุน มูลค่ารวมมหาศาลถึง 2.26 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
“คาดว่าการลงทุนนอกประเทศของจีนจะลดลงอย่างรุนแรงในเชิงมูลค่าเมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขในปี 2016 จากเหตุผลง่ายๆ คือ ดีลขนาดใหญ่จะไม่ได้รับการอนุมัติ” Chunshek Chan หัวหน้าแผนกวิจัยการควบรวบกิจการทั่วโลกจาก Dealogic กล่าว
เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนเองได้ประกาศอย่างชัดแจ้งว่ารัฐบาลไม่พึงพอใจการเข้าซื้อบริษัทด้านกีฬาและสื่อในต่างประเทศอีกต่อไป โดย Zhou Xiaochuan ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน วิพากษ์วิจารณ์การลงทุนประเภทนี้ในงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนระหว่างประชุมสภาประชาชนแห่งชาติเมื่อสองสัปดาห์ก่อนว่า การลงทุนเหล่านี้ให้กำไรกลับคืนสู่ประเทศจีนน้อยมาก
“นักธุรกิจบางรายเลือกลงทุนนอกประเทศอย่างมืดบอดและเร่งรีบเกินไปในการตัดสินใจ การลงทุนนอกประเทศบางรายการไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับนโยบายของจีน และไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีต่อประเทศ” Zhou กล่าว
ปฏิกิริยาสะท้อนกลับจากกลุ่มธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม กระบวนการควบคุมเงินทุนของจีนได้จุดชนวนปฏิกิริยาสะท้อนกลับจากผู้นำองค์กรธุรกิจของประเทศบางราย พวกเขาตำหนิว่าการควบคุมดังกล่าวขัดขวางการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ
“คำกล่าวของรัฐบาลที่ว่านโยบายควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุนไม่มีผลอะไรกับธุรกิจนั้น เป็นเรื่องโกหก ผลจากนโยบายนี้คือเงินลงทุนสกุลเงินหยวนทำได้แค่ยอมแพ้และยกเลิกการออกไปลงทุนนอกประเทศ เงินหยวนขณะนี้ต้องเปลี่ยนจุดสนใจมาลงทุนภายในประเทศแทน” Zhang Yichen ประธานกรรมการ กองทุน CITIC ในจีนกล่าวกับสำนักข่าว Bloomberg
แต่การควบคุมนี้มีโอกาสเล็กน้อยที่จะโอนอ่อนลงในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากเป้าหมายระยะยาวของจีนยังเป็นการกระตุ้นให้บริษัทไปลงทุนทั่วโลก
ดีลบางประเภทยังมีโอกาส
นั่นหมายความว่า เฉพาะข้อตกลงซื้อขายธุรกิจบางประเภทที่เป็นภาคธุรกิจสำคัญตามกลยุทธ์ของรัฐบาลจีนเท่านั้นที่จะได้รับการอนุมัติ เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ หุ่นยนต์ และเซมิคอนดักเตอร์ ธุรกิจเหล่านี้มีโอกาสมากที่จะไปอยู่แถวหน้าในการพิจารณา ตัวอย่างเช่น บริษัท China National Chemical ซึ่งต้องการจะเทกโอเวอร์บริษัทผลิตเมล็ดพันธุ์ Syngenta AG ด้วยเม็ดเงินลงทุน 4.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับอนุญาตให้แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
“การเข้าซื้อกิจการต่างประเทศที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม จะยังเป็นสิ่งผิดกฎหมายต่อไป แต่ดีลซื้อ Syngenta เป็นหนทางไปสู่เป้าหมายของจีนในการพัฒนาบริษัทเพื่อแข่งขันในระดับโลก ดีลในรูปแบบนี้มีความเป็นไปได้ต่ำที่จะถูกยับยั้ง” Jonas Short หัวหน้าสาขา Beijing ของ ธนาคารเพื่อการลงทุน NSBO กล่าวปิดท้าย
เรียบเรียงจาก China
s Crackdown On Capital Flight Is Claiming Some Of Its First (And Biggest) Victims โดย Yue Wang และ Paul Armstrong