นอกจากคดีที่เปิดเผยต่อสาธารณะ 3 คดีใน California, Pennsylvania และ Wisconsin มีอีกอย่างน้อย 3 คดีที่เป็นความลับในชั้นศาล ซึ่งแหล่งข่าวใกล้ชิดกับฝ่ายกฎหมายของ Google กล่าวกับ Forbes ว่า รัฐบาลไม่มีสิทธิใช้กฎหมาย Stored Communications Act 1986 (SCA) มาอ้างอิงเพื่อเข้าถึงข้อมูลที่บริษัทเก็บไว้ในต่างประเทศ
ก่อนหน้ากรณีของ Google บริษัท Microsoft เคยได้ชัยชนะมาแล้วในปี 2016 โดยบริษัทสามารถป้องกัน FBI ไม่ให้เข้าถึงข้อมูลที่บริษัทเก็บรักษาไว้ในไอร์แลนด์ได้สำเร็จหลังผ่านการอุทธรณ์ถึง 2 ครั้ง แต่ชัยชนะของบริษัทครอบคลุมพื้นที่ 6 เขตของรัฐ Connecticut, New York และ Vermont เท่านั้น ดังนั้นการต่อสู้ของ Google ครั้งนี้จึงได้รับการสนับสนุนจากบริษัทไอทียักษ์ใหญ่แม้จะเป็นคู่แข่งขันกัน ด้วยความหวังว่าชัยชนะจะเปลี่ยนจากระดับรัฐมาเป็นระดับชาติ เพื่อให้ข้อมูลของผู้ใช้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

นอกจาก Microsoft แล้ว Apple เคยมีกรณีกับ FBI เช่นกัน ในเหตุกราดยิงที่ San Bernadino เมื่อปลายปี 2015 บริษัท Apple ได้รับคำสั่งให้สร้างเครื่องมือแฮก iPhone เพื่อเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์ของ Syed Rizwan Farook ผู้ก่อเหตุ และ Yahoo ก็เคยได้รับคำสั่งเดียวกับ Google ให้เผยข้อมูลในบัญชีอีเมลเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา เกิดเป็นคดีที่รัฐ Philadelphia และ Florida
ยักษ์ไอทีคัดค้านหนัก
ใจความสำคัญของคดีต่างๆ คือ การตีความขอบเขตการบังคับใช้ของกฎหมาย SCA ซึ่งรัฐบาลตีความว่ากฎหมายนี้ใช้บังคับได้ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้นภายในประเทศ แต่อีกมุมหนึ่ง บริษัทเทคโนโลยีและกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพ มองว่า หมายค้นไม่สามารถใช้ได้กับข้อมูลที่อยู่ในแผ่นดินต่างประเทศ ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม
คดีที่กดดันที่สุดอยู่ในรัฐ Philadelphia ที่ซึ่ง Google ได้รับคำสั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ให้ส่งข้อมูลของบัญชี Gmail บัญชีหนึ่งเพื่อใช้ในการสืบสวนคดีฉ้อโกง คดีไปถึงขั้นอุทธรณ์และมีบริษัทใหญ่ใน Silicon Valley หนุนหลัง ทั้ง Apple, Amazon, Cisco, Microsoft และ Yahoo ที่ร่วมกันลงชื่อใน เอกสารการให้ข้อมูลต่อศาลก่อนการตัดสินคดี (amicus briefs) เพื่อสนับสนุนจุดยืนของ Google เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

เอกสารเสนอว่าศาลควรจะตัดสินตามแนวทางเดียวกับคดีของ Microsoft โดยกล่าวอ้างความกังวลเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว และมองว่ารัฐบาลสหรัฐฯไม่มีสิทธิในการเรียกดูข้อมูลผู้ใช้ที่เก็บไว้ในต่างประเทศ ด้วยสาเหตุ อาทิ
- เป็นการบุกรุกในอำนาจอธิปไตยของต่างประเทศที่สภาคองเกรสไม่ได้รับอำนาจเหนือ
- การบังคับใช้กฎหมายเกินเลยจากขอบเขตดินแดนโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ปัญหาเดียวกันจะเกิดขึ้น เพราะการกระทำนี้เป็นการเชื้อเชิญให้ชาติอื่นสามารถบังคับให้รัฐบาลสหรัฐฯและบริษัทเทคโนโลยีส่งข้อมูลการสื่อสารส่วนตัวของประชาชนสหรัฐฯที่เก็บไว้ในสหรัฐฯ เพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อมูลที่จะส่งจากต่างประเทศ
- บริษัทเทคโนโลยีที่เก็บรักษาข้อมูลผู้ใช้ไว้ในต่างประเทศอยู่ในจุดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องเสี่ยงกับการละเมิดกฎหมายต่างประเทศด้านนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เพื่อจะปฏิบัติตามหมายค้นที่ออกโดยศาลสหรัฐฯ
- ลูกค้าไม่ได้คาดหวังว่ารัฐบาลจะตั้งกฎเกณฑ์ให้ผู้ให้บริการต้องเข้าถึง ทำสำเนา และส่งต่อข้อมูลในอีเมลของพวกเขาให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อส่งต่อแก่ผู้บังคับใช้กฎหมาย การกระทำที่มอบอำนาจให้แก่รัฐบาลเกินปกตินี้ถือเป็นการบุกรุกความเป็นส่วนตัว
การตัดสินของศาลอุทธรณ์ใน Philadelphia คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งมองว่าจะมีผลกระทบต่อคดีอื่นๆ ของ Google ที่เกิดขึ้นใน California และ Wisconsin ด้วย
ทั้งนี้ แหล่งข่าวใกล้ชิดกับคดีที่ California เปิดเผยว่า Google จะส่งคำร้องขอเพิกถอนหมายค้นในเดือนนี้ โดยอ้างเหตุคัดค้านว่าเป็นหมายค้นขอข้อมูลที่ไม่ระบุจำนวนบัญชีอีเมลที่ต้องการสืบค้น อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาได้ลงความเห็นไปแล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ว่า หมายค้นนั้นถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากออกคำสั่งบนผืนแผ่นดินสหรัฐฯ และบริษัท Google อยู่ภายใต้ขอบเขตทางกฎหมายของศาล รวมถึงการที่อัลกอริธึ่มของ Google ตัดสินใจว่าจะเก็บข้อมูลไว้ในสถานที่ใดไม่ใช่สาระสำคัญแต่อย่างใด
ในรัฐ Wisconsin บริษัท Google ได้รับคำสั่งให้ส่งต่อข้อมูลจากบัญชี Gmail จำนวน 2 บัญชีให้กับรัฐเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2017 ซึ่งบริษัทได้ส่งข้อมูลเฉพาะที่ถูกเก็บรักษาไว้ในสหรัฐฯ แต่ปฏิเสธที่จะทำเช่นเดียวกันกับข้อมูลที่เก็บไว้ในต่างประเทศ ล่าสุด รัฐบาลได้ส่งจดหมายเพื่อให้ผู้พิพากษาศาลแขวงวินิจฉัยคดี และระบุชี้ชวนว่าศาล California ได้ลงความเห็นต่อต้านคำร้องของ Google ไปแล้วก่อนหน้านี้
รอสภาคองเกรสฟันธง
สำหรับกระทรวงยุติธรรมแห่งสหรัฐฯ (DoJ) การตัดสินคดีของ Microsoft และความพยายามของยักษ์ใหญ่แห่ง Silicon Valley เพื่อสกัดการเข้าถึงกลายเป็น “ปัญหาที่สำคัญยิ่ง” เพราะการที่ Google สร้างระบบจัดเก็บแบบทั่วโลกทำให้ FBI เข้าถึงข้อมูลยากลำบากขึ้น แม้ว่าบริษัทไอทีจะไม่ได้ตั้งใจจัดระบบเพื่อขัดขวางการสืบสวนสอบสวนก็ตาม

สำหรับฟากบริษัทไอทีและผู้สนับสนุนมองว่าการตัดสินใจของรัฐบาลเกินขอบเขตอย่างมาก Lee Tien ทนายความอาวุโสของ Electronic Frontier Foundation (EFF) นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิความเป็นส่วนตัว กล่าวโจมตีว่า “หากยึดตามหลักของบทแก้ไขเพิ่มเติมที่ 4 แห่งรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ (Fourht Amendment) นี่เป็นการกระทำที่ผิดต่อรัฐธรรมนูญ” (หมายเหตุ: Fourth Amendment คือ สิทธิของประชาชนในความปลอดภัยของร่างกาย ทรัพย์สิน และเคหะสถาน จากการตรวจค้นหรือยึด จะเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุอันควรไม่ได้)
สิ่งเดียวที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันก็คือ เรื่องนี้จำเป็นต้องได้รับคำอธิบายให้กระจ่างจากสภาคองเกรสว่ากฎหมายมีวัตถุประสงค์ให้ข้อมูลแบบไหนที่เข้าถึงได้และไม่ได้ เพราะกฎหมาย SCA ซึ่งตราขึ้นตั้งแต่ปี 1986 ปรับตัวตามไม่ทันเทคโนโลยี ยกตัวอย่างระบบการเก็บข้อมูลของ Google แค่เพียงไฟล์เดียวก็ถูกแยกชิ้นส่วนไปเก็บตามแหล่งต่างๆ ทั่วโลก ในขณะที่กฎหมายระบุให้ข้อมูลที่รัฐเข้าถึงได้ต้องอยู่ภายในประเทศเท่านั้น ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายซับซ้อน
แต่ความหวังที่จะเร่งสร้างความกระจ่างให้กฎหมายคงไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะเพียงแค่ต้นเดือนพฤษภาคม คณะกรรมการตุลาการวุฒิสภา ซึ่งจะทำการไต่สวนขอบเขตกฎหมาย SCA ก็เริ่มส่อแววเตะถ่วง ด้วยการขอเลื่อนการไต่สวนไปแล้ว 1 นัดเป็นวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ โดยไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น
เรียบเรียงจาก Inside Google
s Fight To Keep The U.S. Government Out Of Gmail
s Inboxes โดย Thomas Fox-Brewster