Amazon ทุ่มหลายพันล้านเหรียญ สั่งซื้อ รถตู้ไฟฟ้า 1 แสนคันจากสตาร์ทอัพ Rivian - Forbes Thailand

Amazon ทุ่มหลายพันล้านเหรียญ สั่งซื้อ รถตู้ไฟฟ้า 1 แสนคันจากสตาร์ทอัพ Rivian

ส่วนหนึ่งของแรงขับเคลื่อนครั้งใหญ่ในการลดการปล่อยคาร์บอนของบริษัท คือการที่ Amazon กำลังใช้เงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ สั่งซื้อ รถตู้ไฟฟ้า สำหรับใช้ส่งของจาก Rivian สตาร์ทอัพยานยนต์ไฟฟ้าที่น้อยคนนักจะรู้จักชื่อเขาในช่วงก่อน 1 ปีที่ผ่านมา

Jeff Bezos มหาเศรษฐีผู้ดำรงตำแหน่งผู้ก่อตั้งและซีอีโอของยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกอย่าง Amazon กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ National Press Club ใน Washington D.C. ว่าบริษัทจะซื้อ รถตู้ไฟฟ้า จำนวน 100,000 คันจากบริษัท Rivian ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Amazon’s Climate Pledge ที่ตั้งเป้าใช้พลังงานทดแทน 100% ภายในปี 2030

โดย Amazon จะสามารถใช้งาน รถตู้ไฟฟ้า 10,000 คันแรกได้ภายในปี 2022 จากนั้นจะทยอยเพิ่มสัดส่วนการใช้งานจนครบจำนวนที่ซื้อภายในปี 2030

เรามีรถตู้ส่งของจำนวนมาก และปัจจุบันทั้งหมดต่างใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล Bezos กล่าวเมื่อคุณลงนามในปฏิญญาอย่าง Climate Pledge มันจะผลักดันเศรษฐกิจให้เกิดการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่บริษัทขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้เพื่อปฏิบัติตามปฏิญญานั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงลงทุนใน Rivian ซึ่งเราลงทุนไปแล้ว 440 ล้านเหรียญ

รถตู้ไฟฟ้า ที่สตาร์ทอัพ Rivian ผลิตให้ Amazon (Photo Credit: electrek.co)

ทั้งนี้ นี่ถือเป็นคำสั่งซื้อยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำเงินให้ Rivian ได้อย่างน้อย 4 พันล้านเหรียญเลยทีเดียว โดย Amazon ประมาณการว่า ยานยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ปีละ 4 ล้านเมตริกตันภายในปี 2030

ช่วงเวลาการประกาศแนวทางเพื่อสิ่งแวดล้อมของ Bezos นั้นเกิดขึ้นพร้อมกับความพยายามของรัฐบาล Trump ที่ต้องการลดความเข้มงวดในกฎระเบียบเชื้อเพลิงที่กำหนดขึ้นในสมัยของอดีตประธานาธิบดี Barack Obama และถอนสิทธิการกำหนดกฎหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนของรัฐ California ซึ่งเหล่านี้คือความพยายามผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ผลิตรถยนต์และรถบรรทุกไฟฟ้าและไฮบริด

ข่าวดังกล่าวยังมาพร้อมกับข่าวการลงทุน 350 ล้านเหรียญใน Rivian ของ Cox Automotive เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเสริมให้ยอดเงินระดมทุนในบริษัทสตาร์ทอัพเล็กๆ รายนี้เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 2 พันล้านเหรียญ ซึ่งบริษัทเตรียมนำเงินระดมทุนไปใช้สร้างรถปิคอัพและรถ SUV ไฟฟ้า โดยมีโรงงานประกอบตั้งอยู่ในเมือง Normal รัฐ Illinois ซึ่งก่อนหน้านี้ Mitsubishi Motors เคยใช้งานที่นี่

ไม่เพียงเท่านั้น แต่นักลงทุนผู้อยู่เบื้องหลังสตาร์ทอัพรายนี้ที่นำโดยผู้ก่อตั้งและซีอีโอวัย 36 ปีอย่าง RJ Scaringe ยังรวมถึง Ford ด้วย ซึ่งลงทุนในสตาร์ทอัพรถบรรทุกรายนี้ไป 500 ล้านเหรียญเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และ Amazon ที่ลงทุนในการระดมทุนรอบ 700 ล้านเหรียญของสตาร์ทอัพรายนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

RJ Scaringe ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ (Photo Credit: Forbes)

ขณะที่ Rivian กล่าวกับ Forbes ว่า ขณะนี้พวกเขายังไม่แผนผลิตรถขนส่งให้บริษัทอื่นนอกจาก Amazon ซึ่งคาดว่าจะส่งมอบรถล็อตแรกให้ Amazon ได้ในปี 2021 และการผลิตกองทัพยานยนต์ไฟฟ้าให้กับ Amazon จะไม่กระทบกับกำหนดการส่งมอบรถปิคอัพไฟฟ้ารุ่น R1T และรถ SUV ไฟฟ้ารุ่น R1S ในปลายปี 2020 แน่นอน

ทั้งนี้ Scaringe หรือผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Rivian ผู้มีความคล้ายคลึงกับตัวละคร Clark Kent ในซูเปอร์แมน เขามีดีกรีปริญญาเอกด้านวิศวกรรมเครื่องกลจาก MIT โดยเขาได้ใช้เวลากว่าทศวรรษในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า จนสามารถพิสูจน์ได้ว่าตอนนี้เขาคือคู่แข่งคนสำคัญของ Elon Musk ผู้มีแผนผลิตบรรทุกไฟฟ้าขนาดตั้งแต่รถปิคอัพไปจนถึงรถบรรทุก 18 ล้อ

โดย Scaringe ได้เพิ่มความตื่นเต้นให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างตั้งแต่การนำ Rivian ออกจากโหมดซ่อนตัวเมื่อปีก่อน พร้อมกับแผนพัฒนารถบรรทุกที่การชาร์จแต่ละครั้งสามารถวิ่งในระยะทางไกลๆ ได้ โดยมาพร้อมแพลตฟอร์มประสิทธิภาพสูงที่เรียกว่า “Skateboard” ซึ่งเป็นการรวมแพคของแบตเตอรี่, ระบบขับเคลื่อน และระบบช่วงล่าง

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น R1T และ R1S สามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 ไมล์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งทำได้ดีกว่ารถ EV รุ่นใดก็ตามของ Tesla โดยยานยนต์ไฟฟ้าของ Rivian มีราคาอยู่ที่ 68,000 และ 72,500 เหรียญตามลำดับ อย่างไรก็ตาม สำหรับราคารถตู้ส่งของของ Amazon นั้นบริษัทยังไม่มีการเปิดเผยราคาแต่อย่างใด แต่คาดว่าน่าจะมีราคาต่อคันน้อยกว่า 40,000 เหรียญ

ความเคลื่อนไหวของ Amazon ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนของ Bezos ที่ต้องการบรรลุข้อตกลง Paris ก่อนกำหนด 1 ทศวรรษ โดยรัฐบาล Trump ได้ถอนตัวจากข้อตกลงลดโลกร้อน Paris ในปี 2017 แต่รัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาอีก 10 รัฐ, เมืองอีก 287 เมือง, วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย 351 แห่ง และบริษัทเอกชนหลายพันบริษัท ต่างระบุว่าพวกเขายังจะทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น

สำหรับปฏิญญา Climate Pledge ที่บริษัท Amazon ลงนามนั้น ได้เรียกร้องให้ผู้เข้าร่วมปล่อยคาร์บอนเป็น 0 ภายในปี 2040 ซึ่งเร็วกว่าที่ข้อตกลง Paris ตั้งเป้าไว้ 10 ปี

หากบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพสูงอย่าง Amazon ที่ต้องส่งของมากกว่า 1 หมื่นล้านชิ้น/ปี สามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วกว่าข้อตกลง Paris 10 ปี บริษัทไหนก็สามารถทำได้เหมือนกัน” Bezos กล่าว

  แปลและเรียบเรียงจาก Amazon’s Multibillion-Dollar Bet On Electric Delivery Vans Is Game-Changer For Startup Rivian
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine