ไวรัสโคโรน่า กำลังทำให้พนักงานสายการบินหลายหมื่นตำแหน่งอยู่บนความเสี่ยง จากความต้องการเดินทางโดยเครื่องบินที่ลดลงต่อเนื่อง
สถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัสโคโรน่า ที่รุนแรงจนส่งผลให้การเดินทางโดยสารการบินกำลังลดลงทั่วโลก นั่นหมายถึงพนักงานในธุรกิจการบินหลายหมื่นคนอาจถูกเลิกจ้าง หรือให้หยุดงานชั่วคราว
โดยหลายสายการบินได้ปรับการดำเนินงาน ด้วยการขอร้องให้พนักงานลาหยุดพักผ่อนโดยได้รับค่าจ้างที่ลดลง หรือไม่ได้รับค่าจ้าง แม้จนถึงตอนนี้ การให้หยุดงานในธุรกิจสายการบินจะยังไม่เกิดขึ้นแบบถาวร แต่ก็มีบางบริษัทที่หยุดการว่าจ้างงานไว้ ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อความสามารถของสายการบินจ้างงานเมื่อวิกฤตผ่านพ้น
Cathay Pacific ผู้ให้บริการสัญชาติฮ่องกง ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในการใช้มาตรการดังกล่าว โดยสายการบินนี้ปรับลดเที่ยวบินลงชั่วคราว 40% และร้องขอให้พนักงานทั้งหมดราว 33,000 คน ลงทะเบียนสมัครใจลาโดยไม่รับค่าจ้างเป็นเวลา 3 สัปดาห์ โดยลาช่วงใดก็ได้จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน
ทั้งนี้ Cathay เริ่มประสบภาวะวิกฤตตั้งแต่เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกง ก่อนจะเผชิญกับสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าที่สร้างความเลวร้ายให้อีกระลอก
“การรักษาเงินสดเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องธุรกิจ” Cathay ระบุในแถลงการณ์เมื่อเดือนก่อน “เราได้ใช้มาตรการหลายอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้”
อย่างไรก็ตาม Cathay ไม่เปิดเผยว่าท้ายที่สุดแล้วมีพนักงานที่ลงทะเบียนอาสาลาหยุดเป็นจำนวนเท่าไร
- อ่านเพิ่มเติม COVID-19 กับการถดถอยของเศรษฐกิจไทย
ด้าน Lufthansa ที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพิ่งประกาศลดจำนวนเที่ยวบินลง 50% ระบุว่า บริษัทได้มีการพูดคุยกับสหภาพแรงงานถึงวิธีการหลีกเลี่ยงการปลดพนักงาน รวมถึงการลดชั่วโมงการทำงานของพนักงาน และแน่นอนว่ามีมาตรการให้พนักงานลาหยุดโดยไม่ได้รับค่าจ้าง
ขณะที่สายการบินจากดูไบอย่าง Emirates ที่คล้ายกับ Cathay คือรายได้นั้นมาจากการให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ ก็ได้ใช้มาตรการเดียวกันกับสายการบินอื่นๆ คือกระตุ้นให้พนักงานลาหลุดโดยไม่รับค่าจ้าง
“วิกฤตไวรัสที่ส่งผลให้การดำเนินงานเปลี่ยนแปลงไป เพราะทรัพยากรของบางพื้นที่ในแต่ละวันมากเกินความจำเป็นหรือความต้องการ” Emirates ระบุในแถลงการณ์ และว่า บริษัทต้องการจะปกป้องแรงงาน และจำกัดผลกระทบของการระบาด แต่จะอนุญาตให้พนักงาน “อาสาลาหยุดโดยไม่รับค่าจ้าง” เป็นเวลาสูงสุด 1 เดือน
นอกจากนี้ ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ สายการบิน United Airlines และ JetBlue ต่างประกาศลดจำนวนเที่ยวบินเนื่องจากดีมานด์ที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งทั้งสองสายการบินบอกว่าจะปรับลดจำนวนพนักงานด้วย
โดยสารการบิน United Airlines ที่หั่นจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศลง 20% และลดจำนวนเที่ยวบินในประเทศและเที่ยวบินในแคนาดาลง 10% ระบุว่า บริษัทได้ออกมาตรการให้พนักงานสามารถขอลาโดยไม่ได้รับค่าจ้าง หรือลดเวลาทำงานลงได้ และบริษัทจะระงับการว่าจ้างงานใหม่ด้วย
ทั้งนี้ นักบินจำนวน 23 คนที่ตอนแรกถูกวางไว้ว่าจะให้เริ่มงานที่ United ในสัปดาห์นี้ ก็ยังไม่มีการเข้ารับหน้าที่แต่อย่างใด จึงเป็นที่ตั้งคำถามว่า สถาบันฝึกนักบินที่ United เพิ่งเปิดไป โดยวางเป้าผลิตนักบินให้ได้ 10,000 คนในทศวรรษนี้ จะยังเป็นไปตามเป้าหมายได้หรือไม่
ด้าน JetBlue ที่ลดจำนวนเที่ยวบินลง 5% ระบุว่า บริษัทได้ลดจำนวนการว่าจ้างทั้งในส่วนของพนักงานระดับปฏิบัติการ, พนักงานส่วนสนับสนุนส่วนกลาง รวมถึงพิจารณาถึงเวลางานที่เหมาะสม และจำกัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
ข้อมูลจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association) ระบุว่า ทั่วโลกมีจำนวนพนักงานในธุรกิจการบินอยู่ราว 2.95 ล้านคน ขณะที่กรมแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า พนักงานในธุรกิจสายการบินราว 4.62 แสนคนอยู่ในสหรัฐอเมริกา
ดังนั้น แม้การลดการจ้างงานในธุรกิจสายการบินลง 5% แต่จะส่งผลให้ผู้คนตกงานกว่า 1.5 แสนคนทั่วโลก และมากกว่า 2 หมื่นคนในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สายการบินสหรัฐฯ เลิกจ้างงานกว่า 62,000 อัตราในช่วง 3 เดือนจากเหตุการณ์ 9/11 ซึ่งคิดเป็น 11% ของจำนวนพนักงานในอุตสาหกรรมการบิน ณ ขณะนั้น แต่ Michael Boyd ที่ปรึกษาด้านการบิน ระบุว่า บาดแผลครั้งนี้ไม่น่าจะรุนแรงเท่าครั้งนั้น แม้ว่าการเดินทางโดยเครื่องบินจะลดลงมากก็ตาม
สาเหตุเป็นเพราะทุกวันนี้สายการบินก็มีจำนวนพนักงานน้อยอยู่แล้ว การปลดคนงานเพิ่มขึ้นอีกก็อาจไม่สอดคล้องกับการดำเนินงานของสายการบินส่วนใหญ่นั่นเอง
แปลและเรียบเรียงจาก Tens of thousands of airline jobs are at risk as travel plunges