กลุ่มธนาคารยูโอบีรายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2567 เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 1.6 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ จากรายได้ที่เติบโตในทุกส่วนธุรกิจและแฟรนไชส์
กลุ่มธนาคารยูโอบีรายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2567 ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1,600 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการค้าและการลงทุนที่ทำสถิติสูงสุดใหม่
ผลการดำเนินการในไตรมาส 3 ปี 2567 ของกลุ่มธนาคารยูโอบีเป็นผลจากแฟรนไชส์หลักที่หลากหลาย ครอบคลุมธุรกิจลูกค้ารายใหญ่ (Wholesale) โกลบอล มาร์เก็ตส์ (Global markets) และธุรกิจลูกค้ารายย่อย (Retail businesses) รายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 630 ล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการความมั่งคั่ง รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 2,500 ล้านเหรียญสิงคโปร์ จากการเติบโตของสินเชื่อที่ 5% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยดีดตัวขึ้น 70% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 744 ล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากการค้าและการลงทุนที่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้จากการบริหารตลาดเงินที่เกี่ยวกับลูกค้าก็เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ต้นทุนความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 3 ปี 2567 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 34 จุด เนื่องจากพอร์ตโฟลิโอลูกค้ารายย่อยในประเทศไทยภายหลังการควบรวมกิจการซิตี้ในไตรมาสที่แล้ว ต้นทุนความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อสำหรับทั้งปีจะยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 25-30 จุด คุณภาพสินทรัพย์ยังคงมีความยืดหยุ่น โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้คงที่อยู่ที่ 1.5% งบดุลของกลุ่มธนาคารยูโอบียังคงแข็งแกร่งด้วยสภาพคล่องที่เพียงพอ โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่หนึ่งที่เป็นส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นเป็น 15.5%
นายวี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ของกลุ่มธนาคารเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตในทุกส่วนธุรกิจและตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียน ธนาคารมีความพร้อมที่จะรักษาโมเมนตัมของการเติบโตของรายได้ ด้วยงบดุลที่แข็งแกร่งและแฟรนไชส์หลักที่มั่นคง
ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับโดดเด่นในฐานะภูมิภาคที่มีศักยภาพ เราเชื่อมั่นในศักยภาพในระยะยาวของอาเซียน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวนมาก พร้อมกับการปรับตัวของห่วงโซ่อุปทาน ความแข็งแกร่งด้านการเชื่อมโยงของธนาคารร่วมกับปัจจัยหนุนที่เหมาะสม ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจลูกค้ารายใหญ่
ความสำเร็จจากการผนวกรวมพอร์ตโฟลิโอของซิตี้กรุ๊ปในมาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย ถือเป็นก้าวสำคัญของธนาคาร การผสานโอกาสในการขายข้ามผลิตภัณฑ์จากพอร์ตโฟลิโอที่ขยายตัวนี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และเรามุ่งมั่นที่จะยกระดับขีดความสามารถในตลาดสำคัญๆ ในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนพร้อมที่จะคว้าโอกาสใหม่ๆ และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ภาพ: UOB
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : บี.กริม เพาเวอร์ โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 3/67 เติบโตแข็งแกร่ง เดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าหมุนเวียน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine