‘บี.กริม เพาเวอร์’ ครึ่งปีแรก 67 กำไรสุทธิ 1,091 ล้าน โต 2.3% หลังขายไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 10.4% - Forbes Thailand

‘บี.กริม เพาเวอร์’ ครึ่งปีแรก 67 กำไรสุทธิ 1,091 ล้าน โต 2.3% หลังขายไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 10.4%

FORBES THAILAND / ADMIN
13 Aug 2024 | 04:10 PM
READ 952

    ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ในช่วง 6 เดือนแรก เติบโต 2.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ 1,091 ล้านบาท และ EBITDA เติบโต 8.0% ที่ 7,548 ล้านบาท จากปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 10.4% ที่ 7,576 กิกะวัตต์-ชั่วโมง จากปริมาณไฟฟ้าขายให้แก่ กฟผ. เพิ่มขึ้น 14.9% จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า SPP 3 โครงการ ในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 4 ปี 2566 รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 420 เมกะวัตต์ และปริมาณไฟฟ้าขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) ในประเทศเวียดนามที่เพิ่มขึ้น 8.2% รวมทั้งปริมาณขายไอน้ำที่เติบโตขึ้น 16.4% จากการขยายกำลังการผลิตของลูกค้าเดิม และความต้องการที่เพิ่มขึ้น

    โดยผลการดำเนินการในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 บี.กริม เพาเวอร์ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 579 ล้านบาท เติบโต 20.9% จากไตรมาสก่อนหน้า จากปริมาณการขายไฟฟ้าให้กับแก่ กฟผ. ที่เพิ่มขึ้น ราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่เติบโต จากผลประกอบการที่ดีขึ้นของ 3 โรงไฟฟ้า SPP ภายใต้ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี จำกัด (UVBGP)

    อย่างไรก็ดี หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลการดำเนินงานได้ปรับตัวลดลงจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ เนื่องจากการหมดอายุของสิทธิประโยชน์ทางภาษีของโครงการโรงไฟฟ้า 3 โครงการ

    ทั้งนี้กำไรสุทธิ-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ (เมื่อรวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง และรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน) อยู่ที่ 229 ล้านบาท

    ในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 บี.กริม เพาเวอร์ ได้เชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) รายใหม่ในประเทศไทย จำนวน 5.2 เมกะวัตต์ จากกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งคิดเป็นการเชื่อมเข้าระบบในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 รวมทั้งสิ้น 11.2 เมกะวัตต์

    สำหรับการขยายการลงทุนในไตรมาส 2 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในระยะยาว บริษัท BGP Holding (US) (บริษัทย่อยทางอ้อมของ บี.กริม เพาเวอร์) ได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Malacha ในตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังการผลิตติดตั้ง 30 เมกะวัตต์

    และมีแผนขยายการเข้าซื้อและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในตลาดพลังงานในรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ บริษัท RES Company Sicilia S.r.l. (บริษัทย่อย) เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท LT09 S.r.l. เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน “Ortanova 2” กำลังการผลิต 73.26 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐอิตาลี และล่าสุดในเดือนกรกฎาคม B.Grimm Power Pty. (บริษัทย่อย) ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน Nemaroo Bimbi Wind Farm Pty. เพื่อพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนและ Energy Hub ทางตอนเหนือของรัฐ Queensland ประเทศออสเตรเลีย

    ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนามากกว่า 1 กิกะวัตต์ โดยในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 มีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 3 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อู่ตะเภา เฟสหนึ่ง 2. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ GIFU ในประเทศญี่ปุ่น และ 3. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม แบบติดตั้งบนบก KOPOS ในสาธารณรัฐเกาหลี

    ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า เป้าหมายระยะยาว บี.กริม เพาเวอร์ตั้งเป้าสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกและบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593 ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 โดยมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 50%

    ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ มีมติประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.18 บาทต่อหุ้น สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 26 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 6 กันยายน 2567



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘เบทาโกร’ ครึ่งปีแรก 67 กำไร 503.7 ล้าน เติบโตกว่า 10 เท่าตัว สัญญาณดีครึ่งปีหลัง ราคาหมู ไก่ ไข่ จ่อขยับ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine