คนไทยส่วนใหญ่ซื้อของที่อยากได้ มากกว่าของจำเป็น! UOB เผยผลสำรวจคนไทยกล้าใช้ กล้ากู้ ทำหนี้ครัวเรือนสะสมสูงอันดับ 1 อาเซียน

คนไทยส่วนใหญ่ซื้อของที่อยากได้ มากกว่าของจำเป็น! UOB เผยผลสำรวจคนไทยกล้าใช้ กล้ากู้ ทำหนี้ครัวเรือนสะสมสูงอันดับ 1 อาเซียน

ธนาคารยูโอบี เผยหนี้ครัวเรือนสะสมของไทย อันดับ 1 อาเซียน สะสมสูงกว่า 80% แต่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจกลับต่ำสุดในภูมิภาค พร้อมเปิดผลสำรวจพฤติกรรมใช้จ่ายคนไทย 66% กล้าใช้-กล้ากู้! เพื่อเป้าหมายทางการเงิน ชี้กลุ่ม Gen Z ตระหนักออมเงินดี เกือบ 50% แต่ยังชำระหนี้ล่าช้า แม้รู้ว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม


    ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย รายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอาเซียน ประจำปี 2568 โดยจัดทำร่วมกับบริษัท Boston Consulting Group ที่เผยว่าผู้บริโภคไทย 39% มองเศรษฐกิจในอนาคตอย่างเชื่อมั่น เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน นอกจากนี้ สุขภาพ การศึกษา คุณภาพชีวิต กลับกลายเป็นหมวดรายจ่ายที่มีความสำคัญขึ้น

    จอห์น วากเนอร์ กรรมการผู้จัดการ และพาร์ทเนอร์ BCG ประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคอาเซียน และมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าหลายประเทศในเพื่อนบ้านอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยกลับอยู่ในระดับต่ำที่สุดในภูมิภาคตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และแนวโน้มก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า จะดีขึ้นในระยะข้างหน้า หากมองในแง่ดีที่สุด การเติบโตจะอยู่ที่ราวๆ 3% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค และตัวเลขอาจต่ำกว่า 2% สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงในเรื่องแหล่งที่มาของการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในอนาคต

    ส่วนหนึ่งของปัจจัยเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ก็ต้องย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับประเทศไทย แต่กลายเป็นเรื่องที่คนไทยคุ้นเคย แม้สิ่งนี้จะก่อให้เกิดความไม่แน่นอนและความเสี่ยงบางประการ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็กลายเป็นเสถียรภาพในความไม่เสถียรของประเทศไทย


ยุทธชัย เตะราชกุล และ จอห์น วากเนอร์


    จอห์น เผยว่า แม้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตช้า และมีความไม่แน่นอนทางการเมืองต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปี แต่ประเทศไทยกลับถูกมองว่า มีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจต่ำกว่าหลายประเทศในภูมิภาค รวมถึงจีนด้วย ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะตัวของประเทศไทย นั่นก็คือ เป็นประเทศที่มีความยืดหยุ่นสูง แม้จะเผชิญการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่ก็ยังคงรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมไว้ได้ในระดับหนึ่ง

    “สิ่งที่น่ากังวลอีกเล็กน้อยคือ ไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้นๆ ของภูมิภาคในด้านความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยข้อมูลระบุว่า จำนวนความมั่งคั่งทั้งหมดในประเทศ 67% กระจุกตัวอยู่ในประชากรเพียง 10% เท่านั้น แต่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคก็มีแนวโน้มใกล้เคียงกัน รวมถึงสหรัฐฯ และจีนด้วย โดยรวมแล้วภูมิภาคนี้มีการกระจุกตัวของความมั่งคั่งอยู่ในคนจำนวนน้อยมาก” จอห์นกล่าว


คนไทย “กล้าใช้ กล้ากู้”

    จอห์น เผยว่า บริษัท BCG ทำการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคเมื่อต้นปีนี้ โดยให้ผู้ตอบแบบสอบถามระบุรูปแบบการใช้จ่ายและการกู้ยืมของตนเอง ผลที่พบคือ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มคนรายได้สูงกับกลุ่มที่มีรายได้ทั่วไป แน่นอนว่ากลุ่มที่มีรายได้น้อยจะใช้จ่ายกับของจำเป็นมากกว่า แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือ สัดส่วนการใช้จ่ายกับ “ของที่อยากได้ แต่ไม่จำเป็น” ไม่ได้ลดลงมากที่ควร เช่น กลุ่มคนรายได้ดีใช้เงินเดือน 1 ใน 4 ไปกับของที่อยากได้ มากกว่าจำเป็นต้องมี แต่เมื่อดูในกลุ่มรายได้ทั่วไปตัวเลขไม่ได้ลดลง แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคไทยจำนวนมากยังคงเต็มใจที่จะใช้จ่าย

    ทั้งนี้ 66% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกค่อนข้างสบายใจหรือสบายใจมากในการกู้เงินเพื่อตอบโจทย์ทางการเงินของตนเอง เมื่อถามว่า ยินดีหรือไม่ที่จะกู้เงินไม่ใช่เพื่อเป้าหมายทางการเงิน แต่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต พบว่า 25% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่า ยินดี ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงพอสมควร โดยเฉพาะในกลุ่มที่มั่นใจและมีฐานะดี แต่ที่สำคัญคือ แม้ในกลุ่มที่มีฐานะทางการเงินต่ำ ตัวเลขนี้ก็ยังไม่ใช่ 0

    เมื่อถามต่อว่า มั่นใจในสถานะการเงินมากน้อยเพียงใด พบว่า 39% มั่นใจ และอีกกว่า 60% ไม่มั่นใจ สะท้อนว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีความมั่นคงทางการเงินเพียงพอ ซึ่งถือว่าไม่น้อย ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าคนไทยขาดความเข้าใจในเรื่องการเงิน ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

    สะท้อนทัศนคติที่ว่าผู้บริโภคไทยส่วนใหญ่ซื้อสิ่งที่อยากได้มากกว่าสิ่งที่จำเป็น และพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลให้ตัวเลขหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยอยู่ในระดับสูง มากกว่า 80% ถือว่าสูงที่สุดในอาเซียน หากเทียบกับประเทศอินโดนีเซีย ตัวเลขของไทยถือว่าสูงมาก ผู้บริโภคไทยค่อนข้างคุ้นชินกับการกู้ยืมเงินมาใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นลักษณะเฉพาะทางสังคมของไทย

    พาร์ทเนอร์ BCG กล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวสะท้อนให้เห็นโอกาสสำหรับบางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค หากบริษัทสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความรู้สึกของผู้บริโภคว่าได้ยกระดับไลฟ์สไตล์ของตน โดยไม่ต้องจ่ายแพงเกินไป เช่น Sephora ที่วางพอร์ตสินค้าให้ครอบคลุมทั้งแบรนด์ระดับสูง และสินค้าราคาจับต้องได้ ซึ่งยังคงตอบโจทย์ในด้านความรู้สึกของผู้บริโภคได้ดี


การตื่นตัวของคนรุ่นใหม่-ทัศนคติทางการเงิน

    ยุทธชัย เตะราชกุล กรรมการผู้จัดการ บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวถึงภาพรวมการออมของคนไทยว่า ในกลุ่ม Gen z เปิดบัญชีเงินฝากเพิ่มมากขึ้นเกือบ 50% โดยมีเงินฝาก 40,000 บาทต่อบัญชี ส่วน Gen Y มีเงินฝาก 80,000 บาทต่อบัญชี สะท้อนว่าแม้กลุ่ม Gen Z จะอายุน้อย หรือเพิ่งเริ่มวัยทำงาน ก็มีความเข้าใจในด้านดิจิทัลและเปิดรับการเรียนรู้เกี่ยวกับการวางแผนและบริหารการเงิน แต่หลายคนยังเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้าง เช่น ช่องว่างด้านความรู้ทางการเงิน ทัศนคติการใช้จ่าย ความไม่มั่นคงของรายได้

    นอกจากนี้ จากข้อมูลยังพบว่า Gen Z กู้เงินเพื่อซื้อของที่อยากได้ แม้จะรู้ว่าหากชำระล่าช้าอาจต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูง วินัยการออมยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ โดย 85% ของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงเลือกใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในปัจจุบัน ขณะที่ 76% ของ Gen Y และ 82% ของ Gen Z ระบุว่าความกดดันจากสังคมและเพื่อนเป็นอุปสรรคต่อการออมต่อเนื่อง

    ยุทธชัย เสริมว่าเทรนด์การใช้จ่ายของคนไทยในปีนี้ยังคงใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งในชีวิตประจำวัน และให้ความสำคัญกับหมวดการศึกษา สุขภาพ คุณภาพชีวิต สอดคล้องกับเทรนด์ Longevity ที่เน้นการมีสุขภาพกายและใจที่ดีในระยะยาว ขณะที่ภาพรวมผู้บริโภคชาวไทยมีความรุู้ด้านพื้นฐานด้านการวางแผนการเงิน และเริ่มลงมือปฏิบัติบ้างแล้ว แต่มีทัศนคติในการใช้จ่ายที่อาจเป็นอุปสรรคระหว่างทาง ทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินระยะยาวได้




ภาพ : ยูโอบี และ Freepik




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ไทยยูเนี่ยน โกยรายได้ไตรมาส 3/2568 แตะ 3.4 หมื่นล้าน รับกำไรสุทธิปรับปรุง 1,516 ล้าน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine