ทหารไทยธนชาต เผย 9 เดือนแรกปี 67 กำไรสุทธิแตะ 15,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ย้ำคุมหนี้เสียได้ตามเป้าหมายโดยยังต่ำกว่า 2.7% พร้อมออกมาตรการตั้งหลักเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ช่วงที่เหลือของปีนี้ยังเน้นดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบเพื่อรับมือความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปีนี้ยังคงท้าทาย และสร้างแรงกดดันต่อทั้งด้านรายได้และด้านคุณภาพสินทรัพย์ไม่ต่างจากช่วงครึ่งปีแรก ดังนั้น ธนาคารจึงมุ่งเน้นบริหารต้นทุนให้สอดคล้องกับด้านรายได้ รวมถึงเน้นดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบ เพื่อบริหารจัดการอัตราส่วนหนี้เสียให้อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ยังเร่งออก “มาตรการตั้งหลัก” เพื่อช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 โดยรวมถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ผ่านการบริหารจัดการด้านต้นทุนใน 3 ส่วนหลัก ทั้ง
1) ต้นทุนทางการเงิน ผ่านการบริหารพอร์ตสินทรัพย์และหนี้สินในเชิงรุก เช่น ปรับโครงสร้างสินเชื่อให้เหมาะสม การเติบโตเงินฝากให้สมดุลกับแนวโน้มด้านสินเชื่อ
2) ต้นทุนการดำเนินงาน โดยเน้นการลงทุนที่สอดคล้องกับกลยุทธ์และการยกระดับการให้บริการลูกค้า รวมถึงพัฒนาด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
3) ต้นทุนความเสี่ยงหรือค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ โดยมุ่งเน้นการเติบโตสินเชื่อใหม่อย่างมีคุณภาพ และติดตามลูกค้าทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต้องการมาตรการต่างๆ
“สำหรับช่วงที่เหลือของปี ธนาคารยังเน้นย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ดีด้วยสถานะทางการเงินในปัจจุบันที่มีความแข็งแกร่งในทุกมิติ จึงเชื่อมั่นว่าทีทีบีมีความพร้อมที่จะรับมือกับปัจจัยต่าง ๆ และสามารถสานต่อพันธกิจที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายได้ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้” นายปิติ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานรายการหลัก ใน 9 เดือนแรก ปี 2567 มีดังนี้
- กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของธนาคาร) อยู่ที่ 15,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ 42,643 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9%YoY
- ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.27% เพิ่มขึ้นจาก 9 เดือนแรกปี 66 ที่อยู่ระดับ 3.21%
- รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ 9,623 ล้านบาท ลดลง 7.2%YoY
- ด้านค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ที่ 22,075 ล้านบาท ลดลง 3.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 40,224 ล้านบาท ลดลง 2.0% จากสิ้นปีที่แล้ว หรือคิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ที่ระดับ 2.7%
- ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 15,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8%YoY
ด้านฐานะเงินกองทุน ณ 30 ก.ย. 67 พบว่า มีอัตราส่วน CAR อยู่ที่ 19.7% และ Tier 1 อยู่ที่ 17.3% ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธปท.กำหนดไว้
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กรุงศรีเผยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ 23,424 ล้านบาท ลดลง 7% เหตุตั้งสำรองรับความเสี่ยงหนี้
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine