TMB-ธนชาต ประกาศแผนธุรกิจ ควบรวม 100 สาขาปีนี้ - Forbes Thailand

TMB-ธนชาต ประกาศแผนธุรกิจ ควบรวม 100 สาขาปีนี้

TMB จับมือธนชาตโชว์วิสัยทัศน์ ONE DREAM ONE TEAM ONE GOAL เดินแผนควบรวม 100 สาขาทั่วประเทศ ย้ำไม่กระทบพนักงานกว่าหมื่นคน พร้อมจัดทัพคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ผนึกกำลังร่วมขับเคลื่อนธนาคารใหญ่ให้เติบโตอย่างยั่งยืนหลังโอนกิจการสำเร็จในปี 2564

หลังปิดดีลควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารสูงสุด ได้ประกาศแผนดำเนินธุรกิจในปี 2563 ภายใต้ ONE DREAM, ONE TEAM, ONE GOAL พร้อมกับเป้าหมายใหม่ในการสร้างชีวิตที่ดีขึ้น (Financial Well-being) ให้กับคนไทยทั้งประเทศ

ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า หลังการควบรวมสองธนาคารสำเร็จในเดือนธันวาคม 2562  ได้ส่งผลให้รายได้และสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเท่าตัวและกลายเป็นธนาคารขนาดใหญ่ ด้วยจำนวนพนักงานรวมกันกว่า 1 หมื่นคน จำนวนสาขาเกือบ 900 สาขา และเครื่อง ATM/ADM รวมกัน 4,700 เครื่อง โดยมีฐานลูกค้ารวม 10 ล้านราย ซึ่งทีมผู้บริหารระดับสูงและระดับกลางจะทยอยปรับโครงสร้างภายใน 2-3 เดือน และส่วนของพนักงานจะดำเนินการควบรวมให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2564

ขณะที่การบริหารงานในปัจจุบันได้มีการผนึกกำลังคณะผู้บริหารสูงสุด (C-Level) ให้เป็นทีมเดียวกัน ประกอบด้วย ประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ อนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย ป้อมเพชร รสานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านสินเชื่อรถยนต์ และมารี แรมลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารนวัตกรรมลูกค้ารายย่อย

ประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย กล่าวถึงแผนการดำเนินงานหลังการจับมือกันว่า ธนาคารจะเริ่มเปิดให้บริการ CO-Location  Co-Brand Branch เป็นการควบรวมสาขาระหว่างสองธนาคารในพื้นที่ที่ซ้ำซ้อนประมาณ 100 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้บริการทั้งลูกค้าทีเอ็มบีและธนชาต รวมถึงพนักงานธนาคารที่ให้บริการร่วมกัน ซึ่งจะทำให้พนักงานไม่ได้รับผลกระทบจากการควบรวม อย่างไรก็ตาม ปกติพนักงานมีอัตราการลาออกเฉลี่ย 10% หรือ 1,000 คนต่อปี ทำให้จำนวนพนักงานสอดคล้องกับจำนวนสาขาที่เหลืออยู่หลังการควบรวมที่ประมาณ 800 สาขาในปี 2564

ส่วนการให้บริการเครื่อง ATM/ADM ไม่มีค่าธรรมเนียม ฝาก ถอน โอน จำนวนกว่า 4,700 เครื่องจะทยอยให้บริการร่วมกันในเดือนมีนาคมนี้ โดยลูกค้าทีเอ็มบี ทัช จะสามารถทำรายการกดเงินไม่ใช้บัตรจากเครื่องของธนชาตได้ และบิลสินเชื่อบ้าน รถยนต์ บัตรเครดิตของธนชาต จะสามารถชำระได้ที่เครื่องทีเอ็มบี ส่วนโมบายแบงกิ้ง คาดว่าจะเปลี่ยนจาก T-Connect เป็น ทีเอ็มบี ทัช ด้วยเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการโมบาย แบงกิ้ง จำนวน 3-4 ล้านคน รวมถึงบริการด้านกองทุน

นอกจากนั้น ปิติยังย้ำถึงทิศทางของธุรกิจที่จะมีความชัดเจนขึ้นหลังจากการประชุมบอร์ดบริหารและแต่งตั้งประธานกรรมการหรือบอร์ดชุดใหม่ในช่วงเดือนมีนาคมปีนี้ โดยเฉพาะด้านเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ และแผนการพัฒนาธนาคารให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวหลังการรวมเป็นหนึ่งเดียวในอีก 24 เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันธนาคารยังคงขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ ทั้งการตั้งสำรองหนี้ตามเกณฑ์ IFRS 9 การบริหารพอร์ตสินเชื่อและเงินฝาก ซึ่งต้องพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก แม้ในปีที่ผ่านมาแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ที่นอกเหนือการควบคุม โดยเฉพาะปัจจัยสงครามการค้า แต่หากสงครามการค้าคลี่คลายลงในปีนี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าอาจเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นต่อการท่องเที่ยว แต่ธนาคารก็ยังคงให้ความสนใจและคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ด้วย

  อ่านเพิ่มเติม  
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine