ศิริราช จับมือ Massachusetts Institute of Technology (MIT) จัดงาน “Hacking Medicine 2025” เพื่อผลักดันนวัตกรรมด้านสุขภาพขึ้นแท่นระดับอาเซียน พร้อมดึงภาครัฐ-เอกชน ร่วมปั้นสตาร์ทอัพไทยสู่ตลาดโลก ผ่าน Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025 ธีมหลักของงานคือ “AI Today, Transforming Tomorrow’s Healthcare” โดยมีเมืองไทยประกันชีวิตเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงาน
ทั้งนี้ นางสาวนาเดีย สุทธิกุลพานิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ เข้าร่วมแถลงข่าวการจัดงาน “Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025” ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และ Massachusetts Institute of Technology (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา สถาบันชั้นนำระดับโลกด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม
ขณะที่เมืองไทยประกันชีวิตให้การสนับสนุนงานในครั้งนี้เป็นปีที่ 2 โดยเล็งเห็นถึง โอกาสสำคัญในการเชื่อมโยงนวัตกรรมสุขภาพกับธุรกิจประกันชีวิต ผ่านการสร้างระบบนิเวศทางสุขภาพแบบบูรณาการ (Health Ecosystem) ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถ
- พัฒนาแบบประกันและบริการที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและเฉพาะบุคคล (Personalized & Preventive Healthcare)
- นำเทคโนโลยีและข้อมูลจากนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใน Hackathon ไปปรับใช้ในการบริหารความเสี่ยงและยกระดับประสบการณ์ลูกค้า
- ส่งเสริมบทบาทของบริษัทในฐานะ ผู้นำด้านการประกันสุขภาพยุคใหม่ (Health Partner) ที่ไม่เพียงแต่ให้ความคุ้มครอง แต่ยังร่วมดูแลสุขภาพชีวิตลูกค้าอย่างรอบด้าน
ที่ผ่านมา เมืองไทยประกันชีวิตได้จัดตั้ง Fuchsia VC ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนในธุรกิจ Startup ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านสุขภาพ เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจและสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบสุขภาพและธุรกิจประกันชีวิตในระยะยาว
ขณะที่งาน “Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025” จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเปิดเวทีการแข่งขัน Hackathon แบบเข้มข้น ระดมไอเดียค้นหาสุดยอดนวัตกรรมโซลูชั่นอย่างยั่งยืนด้านการรักษาและบริการสุขภาพระดับนานาชาติ พร้อมจัดตั้งความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะเวลา 3 ปี เพื่อวางรากฐานให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านสุขภาพของภูมิภาคอาเซียน
การแข่งขัน Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025 Hackathon ครั้งที่สองนี้มีธีมหลักของงานคือ “AI Today, Transforming Tomorrow’s Healthcare” ที่คาดว่าจะเห็นการใช้ AI ไปใช้ในการปฏิรูปการดูแลผู้ป่วย เพิ่มประสิทธิภาพระบบสุขภาพสาธารณะ และลดความเหลื่อมล้ำในบริการและเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญในประเด็น “โรคเรื้อรัง” (Chronic Disease) และ “สุขภาพจิต” (Mental Health) จะจัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นอกจากนี้ภายในงานประชุมประจำปีนี้จะเปิดเวทีสำหรับการพูดคุยในระดับอาเซียน ที่เชิญชวนผู้ร่วมงานจากทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมสุขภาพรูปแบบใหม่ ผ่านความร่วมมือข้ามสาขาวิชา กิจกรรมนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรมสุขภาพระหว่างประเทศ โดยอาศัยพลังจากมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีสุขภาพ อุตสาหกรรมยา ระบบบริการสุขภาพ สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ และองค์กรภาครัฐ-เอกชน
ศ. นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภูมิทัศน์นวัตกรรมสุขภาพในประเทศไทย เราไม่ได้เพียงแค่จัด Hackathon แต่เรากำลังสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ที่จะเปลี่ยนไอเดียที่มีศักยภาพให้กลายเป็นโซลูชันที่พร้อมออกสู่ตลาด และมีผลกระทบในระดับโลก”
ทั้งนี้ ภายใต้ธีมหลัก “AI Today, Transforming Tomorrow’s Healthcare” จะเชื่อมโยงทั้ง Hackathon และงานประชุมผู้เข้าร่วม Hackathon จะรวมทีมแบบข้ามสาขาวิชา เพื่อแก้ปัญหาจริงจากโลกความเป็นจริง โดยต้องออกแบบโซลูชันที่ขยายผลได้และนำไปใช้ได้จริง โดยปี 2025 นี้มี 2 หัวข้อหลัก ได้แก่ โรคเรื้อรัง และ สุขภาพจิต โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลศิริราชให้คำแนะนำ และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับทีมต่าง ๆ Siriraj x MIT Hacking Medicine ยังสนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green) ของประเทศไทย โดยเฉพาะในด้าน BioHealth และ Digital Health
กิจกรรม 5 วัน ประกอบด้วย:
- Hackathon เข้มข้น (31 ต.ค. – 2 พ.ย.): ทีมข้ามสายงานพัฒนาแนวทางจัดการโรคเรื้อรังและสุขภาพจิต
- Showcase และ Networking (2 พ.ย.): ทีมชนะนำเสนอผลงานต่อผู้เชี่ยวชาญ พร้อมโอกาสสร้างเครือข่ายในวันที่ 3 พ.ย.
- ประชุมนวัตกรรมสุขภาพนานาชาติ (4 พ.ย.): ปาฐกถาและเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก นักลงทุน และผู้ปฏิบัติการ พร้อมกิจกรรมแบบมีส่วนร่วม
Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025 เปิดรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมหาวิทยาลัย รัฐบาล องค์กรธุรกิจ และชุมชนผู้ประกอบการที่สนใจการปฏิรูปด้านสุขภาพ โดยผู้เข้าร่วมที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับ “Golden Ticket” เพื่อเข้าร่วม MIT Grand Hack 2026 ที่เมืองบอสตัน พร้อมรับคำปรึกษาและโอกาสในการรับทุนสนับสนุน
ศ. ดร. นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า “Siriraj x MIT Hacking Medicine ไม่ใช่แค่เวทีแข่งขันทางวิชาการ แต่คือจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ด้านธุรกิจสุขภาพ เรากำลังสร้างเวทีระยะยาว ที่จะผลักดันธุรกิจสุขภาพอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค ทีมที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับคำปรึกษา ทุนการศึกษาสำหรับเข้าโครงการ HEALTHI Lab โอกาสในการเชื่อมโยงกับภาคเอกชน นักลงทุน และแหล่งทุนเพื่อขยายผลไปสู่ตลาดจริง”
อีกทั้ง ยังมีผู้เชี่ยวชาญจาก MIT ที่มาร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศไทย เพื่อเปิดตัว หลักสูตรอบรมผู้บริหารแบบเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Action Learning Executive Course) ซึ่งออกแบบมาเพื่อพัฒนา ผู้ประกอบการ (entrepreneurs) รวมถึง ผู้สร้างนวัตกรรมภายในองค์กร (intrapreneurs) และ ผู้นำด้านนวัตกรรมในภาคธุรกิจ (corporate innovation leaders) ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ แนวปฏิบัติ และบริการที่ตอบโจทย์ได้จริง โดยหลักสูตรใหม่นี้ใช้ชื่อเบื้องต้นว่า HEALTHI Lab (Healthcare Entrepreneurial Action Learning for Thailand Innovation) และจะเริ่มอบรมรุ่นแรกภายในปีนี้
ดร.แอนจาลี ซัสทรี (Anjali Sastry) อาจารย์อาวุโสแห่ง MIT Sloan School of Management ผู้ก่อตั้ง GlobalHealth Lab แห่ง MIT และอดีตรองคณบดีของ MIT Open Learning และอดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ Harvard กล่าวว่า “HEALTHI Lab พลิกโฉมนวัตกรรมสุขภาพด้วยการฝังผู้ประกอบการไว้ในบริบทของโรงพยาบาล พร้อมประสานความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ เราใช้แนวทางลงมือทำจริง (hands-on) เพื่อให้มั่นใจว่าโซลูชันสามารถใช้งานได้จริง และยังเป็นแนวทางการเรียนรู้ที่มอบข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าสำหรับผู้นำที่ต้องการขับเคลื่อนนวัตกรรม โดยผู้เข้าร่วมจะประกอบด้วยผู้ประกอบการ ผู้บริหาร และพนักงานที่มีแนวคิดเชิงนวัตกรรมจากภายในองค์กร สิ่งที่ทำให้โครงการนี้โดดเด่นคือ ขอบเขตระดับภูมิภาค ซึ่งเรากำลังสร้างสายส่งนวัตกรรมที่เชื่อมโยงความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมสุขภาพจากบอสตัน เข้ากับระบบนิเวศที่มีชีวิตชีวาและความท้าทายเฉพาะของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ภาพ: รพ. ศิริราช, บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เจาะอินไซต์คนไทยบินต่างประเทศไปซื้อประกัน! พรูเด็นเชียลฯ เร่งขยาย PRULegacy เจาะกลุ่ม HNW เบี้ยเริ่ม 1 ล้านบาท
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine