หุ้นไทยจะต่ำ 1,300 จุด ไปถึงเมื่อไร เมื่อเจอแรงกระแทก ‘สงครามการค้า-ต่างชาติเทขาย-หุ้นไทย Transform’ - Forbes Thailand

หุ้นไทยจะต่ำ 1,300 จุด ไปถึงเมื่อไร เมื่อเจอแรงกระแทก ‘สงครามการค้า-ต่างชาติเทขาย-หุ้นไทย Transform’

เป็นอีกครั้งที่ดัชนีหุ้นไทยร่วงต่ำ 1,300 จุด สาเหตุเพราะเจอแรงกระแทกจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะ Trump Effect ที่เพิ่งประกาศขึ้นภาษีฯ กับ 3 ประเทศทำให้เกิดความกังวลว่า สงครามการค้าเริ่มขึ้นแล้วจริงๆ แต่หลังจากนี้ตลาดหุ้นไทยจะต้องเผชิญแรงกดดันอะไรอีกบ้าง


    มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ Forbes Thailand ว่า เช้าวันนี้ (3 ก.พ. 68) ตลาดหุ้นไทย หรือ SET Index เปิดตลาดมาก็ร่วงลงถึง 1,272.10 จุด ถือว่าลงมาลึกมากจนใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดเมื่อ 5 เดือนก่อน (5 ส.ค. 2567) ซึ่งครั้งนี้สาเหตุที่ร่วงลงแรงมาจากทั้งปัจจัยในประเทศ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ร่วงลงกว่า 40 จุด รวมถึงประเด็นที่ Donald Trump ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทั้งแคนาดา (25%) เม็กซิโก (25%) และจีน (10%)

    ทั้งนี้ ตลาดหุ้นที่ร่วงลงแรงสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุน จากมาตรการทางภาษีของ Donald Trump และความจำเป็นที่ต้องขายหุ้นออก ไม่ว่าจะจากความตกใจ หรือ Force sell ในบางกลุ่มหุ้นสะท้อนได้จากราคาหุ้นบางส่วนที่ร่วงลง เริ่มเด้งกลับมาภายในช่วงเช้า (ราว 20 จุด) เช่น บางจาก, COM7, Delta ฯลฯ


    และเมื่อถามว่าหุ้นไทยจะผ่าน 1,300 จุดได้เมื่อไร มงคลเล่าว่ายังตอบได้ยาก เพราะมองว่าตอนนี้หุ้นไทยกำลังเข้าสู่ช่วงการ Transform หรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ฐานรายได้ ฐานกำไร จะเปลี่ยนไป ขณะเดียวกันยังเจอความท้าทายหลายด้านพร้อมกัน เช่น สงครามการค้า การเมือง นโยบายของหลายประเทศที่มีการเปลี่ยนไป รวมถึง นโยบายของ Donald Trump ทำให้หลังจากนี้ยังต้องติดตามว่า หลายฝ่ายจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ซึ่งปัจจุบันยังคาดเดาได้ยากว่าจุดก้นเหวจะอยู่ที่ตรงไหน

    ส่วนในระยะสั้นนี้มองว่าต่างชาติจะยังเทขายหุ้นไทยต่อ แต่ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ ความเคลื่อนไหวทางสหรัฐ ทั้งท่าทีของ Donald Trump รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐในคืนนี้ โดยต้องจับตากลุ่ม Commodity, Tech และส่งออก ซึ่งภาพรวมจะหากปรับตัวดีขึ้นหรือ Trump มีท่าทีที่ดีย่อมจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยและภูมิภาคในวันพรุ่งนี้ (4 ก.พ. 68) ปรับตัวดีขึ้น แต่หากตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลดลงคาดว่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังลงปรับตัวลดลงเช่นกัน

    ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนยังแนะนำให้ถือเงินสดเป็นหลัก หรือ หากต้องการลงทุนในหุ้นมองว่าสัดส่วนไม่ควรเกิน 30% โดยเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มเซฟ ในมุมมองปัจจุบันยังให้น้ำหนักกับกลุ่มธนาคาร ที่จะขึ้น XD ช้ากว่าหุ้นกลุ่มอื่นทำให้คนยังไม่รีบขายหุ้น เช่น SCB, ttb (ช่วงเดีอนก.พ. บริษัทจดทะเบียนจะมีการจ่ายปันผล) ส่วนหุ้นในประเทศยังมองว่า CPALL น่าสนใจ โดยดีลการลงทุนที่กังวลกันอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ รวมถึงหุ้น ADVANC

    ขณะที่ฝั่ง บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทย SET ได้รับปัจจัยลบเพิ่มจากข่าวลงทุนของ CPALL กดดันดัชนีไหลลงต่อเนื่อง สร้างสัญญาณลบและเปิดด้าน Downside นอกจากนี้ นโยบายเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าของ Donald Trump ต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีน เมื่อ 1 ก.พ. สร้าง Sentiment ลบต่อเนื่อง

    ในระยะสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway โดยมีแนวต้านสําคัญที่บริเวณ 1,350 จุด แม้ภาพการลงทุนในตลาดต่างประเทศจะได้รับผลบวกจาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และผลประกอบการนอกกลุ่มการเงิน ของ บจ. สหรัฐที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า จากการปรับลดดอกเบี้ยท่ีค่อยเป็นค่อยไป แต่ในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ มาช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทย

    ทั้งนี้สถานการณ์การส่งออกไทยน่าจะมีความเสี่ยงมากขึ้นจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐและเงินเฟ้อที่ต่ำ ทําให้เศรษฐกิจไทยยังไม่โดดเด่นมากนัก ส่งผลให้ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยยัง Underperform ตลาดหุ้นทั่วโลก

    ขณะที่มุมมองภาพรวมทั้งปี 2568 ยังมีความเห็นจาก บลจ.ทิสโก้ ที่คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปิดปีที่ 1,530 จุด เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2567 แม้ในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เป็นการเติบโตในกลุ่มอุตสาหกรรมที่กระจุกตัวอยู่เฉพาะบางอุตสาหกรรมเท่านั้น เช่น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก พลังงาน อาหาร และซอฟต์แวร์ ซึ่งไม่ได้เป็นการเติบโตในวงกว้างจึงยังไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่อุตสาหกรรมที่มีแรงงานจำนวนมากนั้นยังไม่เติบโตดีเท่าที่ควร



Image by StockSnap from Pixabay, SET



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ฟื้นความมั่นใจ นลท. หลังหุ้นราคาร่วงตั้งแต่ IPO ภารกิจ ‘ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่’ ซีอีโอคนใหม่ OR

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine