ก.ล.ต. เตรียมเปิด Public Hearing ให้กองทุนรวมฯ ‘ลงทุนในคริปโต’ คุมส่วนรายย่อยไม่เกิน 5% NAV - Forbes Thailand

ก.ล.ต. เตรียมเปิด Public Hearing ให้กองทุนรวมฯ ‘ลงทุนในคริปโต’ คุมส่วนรายย่อยไม่เกิน 5% NAV

ก.ล.ต. เตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นฯ การปรับปรุงเกณฑ์ให้กองทุนรวม-กองทุนส่วนบุคคล สามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ โดยกองทุนฯ สำหรับรายย่อยจะกำหนดสัดส่วนการลงทุนใน ETF หรือกองทุนรวมต่างประเทศที่มีคริปโตฯ ได้ไม่เกิน 5% ของ NAV เพราะก.ล.ต. คงมุมมองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลยังเสี่ยงสูงแต่อาจปรับสัดส่วนเพิ่มได้ในอนาคต


    นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ช่วงทีผ่านมา พัฒนาการของสินทรัพย์ดิจิทัลมีมากขึ้น เช่น crypto ETF ได้รับการอนุมัติการจัดตั้งและมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ เห็นนักลงทุนบางส่วนสนใจในการลงทุนเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งปัจุจบัน กองทุนรวมยังไม่สามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมีการปรับปรุงเกณฑ์ที่จะขยายให้เข้าไปลงทุนในกลุ่มนี้ได้มากขึ้น

    ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีความเห็นชอบที่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์สำหรับกองทุนที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่าน 3 เกณฑ์

    1. เพิ่มให้ investment token เป็นทรัพย์สินที่กองทุนสามารถลงทุนได้ โดยมีอัตราส่วนการลงทุนเช่นเดียวกับ transferable securities เช่น หุ้น และหุ้นกู้ เป็นต้น เนื่องจากมีลักษณะและความเสี่ยงคล้ายกัน

    2. เพิ่มความยืดหยุ่นให้กองทุนสามารถลงทุนในคริปโทแอสเซ็ท (crypto asset) ได้ ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับประเภทผู้ลงทุน

    - กองทุนสำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่ สามารถลงทุนใน crypto ETF ได้ โดยไม่จำกัดสัดส่วนการลงทุน เพื่อสร้างความเท่าเทียมกันในการแข่งขันระหว่าง บล. และบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) และกรณีกองทุนดังกล่าวลงทุนใน crypto asset โดยตรงหรือโดยอ้อมผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า จำกัดไม่เกิน 20% ของ NAV

    - กองทุนสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย สามารถมี total crypto asset exposure ผ่าน ETF หรือกองทุนรวมต่างประเทศ ไม่เกิน 5% ของ NAV เพื่อประโยชน์ด้านการจัดสรรสินทรัพย์ (asset allocation) ผ่านผู้เชี่ยวชาญ แต่จะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้

    (1) เป็นกองทุนที่จัดตั้งภายหลังวันที่ประกาศใหม่มีผลใช้บังคับ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อผู้ลงทุนในกองทุนที่อาจไม่ประสงค์ที่จะมีความเสี่ยงในทรัพย์สินดังกล่าว

    (2) มีกลยุทธ์ active management และเป็นกองทุนรวมผสมที่มีนโยบายการลงทุนหลักเพื่อ asset allocation กองทุนรวมตราสารทุน หรือกองทุนรวมทรัพย์สินทางเลือก ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกองทุนสิทธิประโยชน์ทางภาษี

    (3) เปิดเผยข้อมูลและคำเตือนให้ผู้ลงทุนทราบถึง crypto asset exposure อย่างชัดเจน

    3. ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการจัดตั้งและจัดการสำหรับกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การเก็บรักษาทรัพย์สิน การคำนวณมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลการเปิดเผยข้อมูล การโฆษณาที่เหมาะสม และการปรับปรุง suitability test ให้ครอบคลุมการลงทุนใน crypto asset เป็นต้น

    ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะเปิดรับฟังความคิดเห็น เรื่อง หลักการและร่างประกาศเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์สำหรับกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคลที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. จนถึงวันที่ 8 พ.ย. 2567 หลังจากนั้นคาดว่าจะใช้เวลาราว 15-30 วัน และจะลงในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะทันประกาศใช้ภายในปี 2568 นี้

    อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุที่ ก.ล.ต. เลือกที่จะ จำกัดสัดส่วนการลงทุนคริปโตฯในกองทุนรวม แม้ว่าปัจจุบันนักลงทุนรายย่อยจะสามารถลงทุนโดยตรงในสินทรัพย์ดิจิทัลได้นั้น นายเอนก กล่าวว่า แนวคิดนี้มาจากช่วงแรกและยังไม่ปรับเปลี่ยนจากตอนนั้น เนื่องจาก ก.ล.ต. มองว่า ETF Bitcoinโดยตัว substance คือ Bitcoin ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความเสี่ยงสูง และในการลงทุนกองทุนรวมเมื่อเป็นรายย่อย คนมักเข้าใจว่า การเป็นกองทุนรวมซึ่งมีความเสี่ยงไม่สูง โดย substance ของกองทุนรวมเองเป็นการรับรองตามกฎหมาย พ.ร.บ. หลักทรัพย์

    “แน่นอนว่า ETF เป็นหลักทรัพย์ประเภทหนึ่ง แต่อยากให้ไปถึงขนาดนั้นไหม คงยังไม่อยากให้ไปลงทุนอะไรที่กองทุนรวมมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะคริปโตฯ มีความเสี่ยงสูงมาก อยู่ๆ มีกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่เปิดขายให้รายย่อย อันนี้คือความที่เรายังกังวลอยู่ แต่ในอนาคตอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม แต่ ณ เวลานี้ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง” นายเอนก กล่าว



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘Entertainment Complex’ กาสิโนไทย โอกาสหรือความเสี่ยงของคนไทย

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine