SCB WEALTH ชู 3 กลยุทธ์รุกธุรกิจเวลธ์ ตั้งเป้าปี 69 สินทรัพย์ลงทุนนอกแตะ 1.8 แสนล้าน - Forbes Thailand

SCB WEALTH ชู 3 กลยุทธ์รุกธุรกิจเวลธ์ ตั้งเป้าปี 69 สินทรัพย์ลงทุนนอกแตะ 1.8 แสนล้าน

SCB WEALTH ฝ่าความผันผวนตลาดชู 3 กลยุทธ์ Customer Centricity, Hyper-Personalization และ Go Global รุกธุรกิจเวลธ์ ตั้งเป้าปี 69 สินทรัพย์ลงทุนนอกแตะ 1.8 แสนล้านบาท



    นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ท่ามกลางความผันผวน และความไม่แน่นอนจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่ธุรกิจเวลธ์ หรือธุรกิจบริการความมั่งคั่ง (Wealth Management) ยังมีแนวโน้มที่ดี สะท้อนจากภาพรวมธุรกิจบริหารความมั่งคั่งทั่วโลก และประเทศไทยเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 6% โดยคาดการณ์ว่าในปี 2571 ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในไทยจะมีสินทรัพย์มากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ


    สาเหตุหลักที่ความมั่งคั่งในไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง มาจากโอกาสทางธุรกิจของไทยยังมีอีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร การท่องเที่ยว และส่วนที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ไปสู่ระดับหัวเมืองมากขึ้น ดังนั้นธนาคารฯ จึงยังมุ่งเน้นธุรกิจเวลธ์ในทุกระดับ เช่น กลุ่มที่แม้ยังไม่มีความั่งคั่งในปัจจุบันแต่เชื่อว่า การวางแผนการเงินเป็นเรื่องสำคัญที่คนไทยทุกกลุ่มต้องเข้าถึง จึงจะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ เข้ามาช่วยให้ลูกค้าวางแผนทางการเงินได้มากขึ้น 

    ทั้งนี้ จากปี 2567 ที่ผ่านมาผลดำเนินงานด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งพบว่าทำได้ตามเป้าหมาย ทั้งการลงทุน Asset Under Advisory เพิ่มขึ้น 10% ยอดสินเชื่อธุรกิจกลุ่มลูกค้าเวลธ์ (Wealth Lending) และโซลูชันการดูแลบริหารจัดการ การลงทุน ประกันความคุ้มครอง 

     อย่างไรก็ตาม จากฐานลูกค้า SCB WEALTH กว่า 500,000 ราย ได้แก่ SCB PRIME (สินทรัพย์ฯ 2 ล้านบาทขึ้นไป) , SCB FIRST (สินทรัพย์ฯ 10 ล้านบาทขึ้นไป) และ SCB PRIVATE BANKING (สินทรัพย์ฯ 50 ล้านบาทขึ้นไป) ธนาคารยังมุ่งนำเสนอโซลูชันบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร โดยในปี 2568 ได้ริเริ่ม 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่  

     1. Customer Centricity มุ่งเน้นเป้าหมายและความต้องการของลูกค้าแต่ละช่วงชีวิตอย่างลึกซึ้ง และยึดผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้า และเสนอโซลูชันที่เหมาะสม เช่น ปีที่ผ่านมามีผลิตภัณฑ์กลุ่ม No Gain No Pay ที่จะไม่เก็บค่าธรรมเนียมหากมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ถึงเป้าหมาย ปัจจุบันมี 2 ตัวและในอนาคตจะเพิ่มขึ้น

     2. Hyper-Personalization ผสานศักยภาพของผู้เชี่ยวชาญเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI ในการดูแลลูกค้าอย่างตรงใจและไร้รอยต่อในทุกมิติ 

     3. Go Global เพิ่มทางเลือกการลงทุนไปทั่วโลก ผ่านพันธมิตรหลัก เช่น ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ และล่าสุด จับมือ BlackRock 


     การดำเนินงานทั้ง 3 กลยุทธ์นี้เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ว่าภายในปี 2569 ได้แก่ 

     1) Asset Under Advisory เติบโต 10% ขึ้นไป Double Digit จากสินทรัพย์การลงทุนภายใต้ธีม Customer Centricity เติบโตกว่า 2 เท่า จากปัจจุบันที่ 70,000 ล้านบาท

     2) ลูกค้า Active ด้านการลงทุนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มกว่า 30% จากปัจจุบันที่ 15%

     3) สินทรัพย์การลงทุนสกุลเงินต่างประเทศเติบโตกว่า 180,000 ล้านบาท 



ภาพ: ธนาคารไทยพาณิชย์



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ศูนย์วิจัยกรุงไทยชี้กระแสย้ายฐานการผลิต พลิกฟื้นการลงทุนภาคเอกชนไทยปี 2568

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine