โอ้กะจู๋ ร้านอาหารสุขภาพที่เน้นผักออร์แกนิกปลูกเองขายเอง จากจุดเริ่มต้นร้านแรกในเชียงใหม่ จนปัจจุบันมีสาขาทั่วกรุงเทพ รวมถึงยังขายสินค้าใน Cafe Amazon กว่า 450 สาขา ทำให้ปีที่ผ่านมารายได้ทะลุพันล้านบาทไปแล้ว ส่วนปี 2567 นี้ยังเดินหน้าขยายแบรนด์ใหม่อย่าง Oh! Juice สมูทตี้สุขภาพ และ Ohkajhu Wrap & Roll รวมถึงเตรียมเสนอขายหุ้น IPO แก่ประชาชนทั่วไปอีก
เตรียม IPO ระดมทุนขยายธุรกิจต่อเนื่อง
หลังจาก บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) เจ้าของร้านโอ้กะจู๋ มีพันธมิตรแข็งแกร่งอย่าง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เข้ามาถือหุ้นราว 20% (ผ่านบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด) ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพแห่งนี้ก็ขยายตัวต่อเนื่อง จนล่าสุดเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) ที่ราคา 6.70 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ จะเปิดให้จองซื้อวันที่ 23-25 ก.ย. 67 และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันเตรียมขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 4 ต.ค. 2567 นี้
แน่นอนว่าการเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทย OKJ ต้องการนำเงินไปเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจโดยแบ่งเป็น 75% จะนำมาใช้ในการขยายและพัฒนาร้านอาหาร ส่วนอีก 20% จะนำมาใช่ในด้านอื่นๆ เช่น การสร้างครัวกลางแห่งใหม่
ปัจจุบัน OKJ มีทุนจดทะเบียน 304.5 ล้านบาท แล้วเป็นหุ้นสามัญ 450.0 ล้านหุ้น คาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 159.0 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.1% ของหุ้นสามัญทีิ่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
ช่วง 6 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้รวม 1,110.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 102.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
กลยุทธ์โอ้กะจู๋ปั้น 2 แบรนด์ใหม่เน้น ‘ย่อให้เล็ก’
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ กล่าวว่า กลยุทธ์หลักของบริษัทฯ จะเน้นพัฒนาธุรกิจบริการและจำหน่ายอาหารภายใต้แบรนด์โอ้กะจู๋ ที่ปัจจุบันยังสร้างรายได้กว่า 98% ของบริษัท โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่หรือเมนูใหม่ทุก 2 เดือน โดยตั้งเป้าหมายขยายครบ 67 สาขา ภายในปี 2571 รวมถึงพัฒนาวิธีการเพาะปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึ้นอย่างมีคุณภาพ
ในอีกด้านยังต้องสร้าง Brand engagement กับลูกค้าโดยต้นปีนี้ เริ่มใช้ระบบสมาชิกปัจจุบันมีจำนวนหลักแสนรายซึ่งปีที่ผ่านมา โดยยังเป็นฐานในการสร้างรายได้กว่า 25% ของรายได้ทั้งหมด รวมถึงขยายช่องทางการขายผ่าน OR ซึ่งเป็นพันธมิตรหลัก โดยจะขยายสินค้าใหม่ๆ ในร้าน Cafe Amazon และอยู่ระหว่างศึกษาแผนการต่อยอดธุรกิจในรูปแบบอื่นๆ
ปี 2567 นี้บริษัทยังขยาย 2 แบรนด์ใหม่ Ohkajhu Wrap & Roll และ Oh! Juice ร้านสมูทตี้เพื่อสุขภาพ ซึ่งทั้ง 2 ร้านนี้จะมีขนาดเล็กกว่าร้านหลักจะใช้พื้นที่ราว 30-35 ตร.ม. ซึ่งน้อยกว่าการเปิดร้านโอ้กะจู๋ที่ใช้พื้นที่ราว 220 ตร.ม. และยังส่งผลให้ต้นทุนในการเปิดสาขาต่ำกว่า และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายการขยายสาขาทั้ง 2 แบรนด์ รวมประมาณ 90 สาขา ภายในปี 2571
นอกจากนี้ในส่วนแบรนด์ Oh! Juice มีแผนจะนำร่องในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยอาจมุ่งเน้นที่ CLMV คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า ทั้งนี้การขยายแบรนด์ใหม่ทั้ง 2 แบรนด์จะมีสัดส่วนในรายได้รวมเพิ่มขึ้น โดย 6 เดือนแรกปี 2567 หลังเปิดตัวทั้ง 2 แบรนด์ใหม่พบว่ามีสัดส่วนรายได้ 1% จากรายได้ทั้งหมด ภายในสิ้นปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็น 5% และภายในปี 2571 จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 25%
โอ้กะจู๋ เลือกทำเล-จังหวัดที่จะเข้าไปอย่างไร
นายจิรายุทธ ภูวพูนผล ประธานเจ้าหน้าที่สายงานเกษตรอัจฉริยะ OKJ เปิดเผยกับ Forbes Thailand ถึงกลยุทธ์ในการขยายสาขาว่า “เราทำกลยุทธ์ไว้ทั้งหมด เพราะบริษัทมีเป้าที่จะไปอยู่แล้ว และ zoning ไว้เป็น 2 ส่วน คือ 1) CBD และ 2) ต่างจังหวัด ด้วยปัจจุบันเราจะมีกรุงเทพเป็นหลักกว่า 30 สาขา และยังมีโอกาสให้เปิดได้อีกเยอะ เพราะเราเพิ่งจะเข้า Department Store ไม่กี่แห่ง”
ทั้งนี้ เราต้องจัดลำดับความสำคัญว่าพื้นที่ไหนมีศักยภาพ และวางแผนไปแต่ละจุด โดยใช้ข้อมูลทั้งจากเจ้าของพื้นที่ และการลงสำรวจพื้นที่เอง และมีโมเดลในการเปิดสาขาในต่างจังหวัดจะมี 3 โมเดล คือ 1) เปิดในพื้นที่ Department Store 2) เปิดในพื้นที่ Community Mall และ 3) Stand alone โดยจะพิจารณาจากเงื่อนไขที่ตั้งไว้ราว 20 ข้อ ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลฐานด้านเศรษฐกิจ ความหนาแน่นของประชากร รายได้ต่อหัว (ราว 400 บาท/วันขึ้นไป) ฐานลูกค้าหลักยังเป็นกลุ่มกลาง ซึ่งต่างจากกรุงเทพที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มกลางขึ้นบน
ดังนั้นช่วงที่ผ่านมาจะเน้นขยายสาขารอบกรุงเทพฯ เช่น นครปฐม โซนตะวันตกอย่างชลบุรี พัทยา และเดือน พ.ย. และ ธ.ค. 67 จะขยายไปยังหัวเมืองหลักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี ฯลฯ และช่วง 4-5 ปีนี้ อาจแบ่งสัดส่วนสาขาที่จะเปิดใหม่ 50-50 ระหว่าง CBD และต่างจังหวัด
ขณะที่แบรนด์ Oh! Juice กับร้าน Ohkajhu Wrap & Roll ใช้แผนคนละแบบกัน จะเปิดสาขาในแบบดาวกระจาย เน้นพื้นที่มี Traffic สูง มักจะเป็นกรุงเทพและ Department Store เป็นหลัก ในปีนี้คาดว่าจะมีราว 10 สาขา
อย่างไรก็ตาม OKJ มีแผนการขยายสาขาในแต่ละปี แบ่งเป็น 1) ร้านโอ้กะจู๋ จำนวน 6-8 สาขา 2) Oh! Juice จำนวน 20-25 สาขา 3) Ohkajhu Wrap & Roll จำนวน 5 สาขา
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : SkillLane ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. เตรียมขาย IPO 15 ล้านหุ้น ‘ระดมทุนปั้น AI-ขยายธุรกิจ’
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine