บมจ. ไทยสมุทรประกันชีวิต ตั้งเป้าหมายปี 68 เบี้ยปีแรกโต 10% เร่งขยายพอร์ต Gen Y รุกกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ยกระดับแคมเปญ Love Mindset สู่ Love Solution ผ่านพลังแห่งรักใน 3 ด้าน ได้แก่ Love Your Health, Love Your Wealth และ Love The World พร้อมกางแผน 5 ปีมั่นใจแข็งแกร่งขึ้นทุกด้านและเติบโตอย่างยั่งยืน
นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทยสมุทรประกันชีวิต หรือ Ocean Life กล่าวว่า ปี 2568 นี้ยังมีความเสี่ยงหลายด้าน ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่มีผลต่อการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิต อัตราดอกเบี้ยฯ ที่ส่งผลต่อผลตอบแทนในโปรดักส์ที่การันตีผลตอบแทน รวมถึงความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของตราสารหนี้ ที่ทำให้บริษัทฯ จะต้องระมัดระวังและคัดสรรอย่างรอบคอบยิ่งขึ้น
ในปี 2568 นี้ บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันชีวิตปีแรกเติบโต 10% สูงกว่าอุตสาหกรรมประกันชีวิตไทยที่คาดว่าจะเติบโตราว 2-3% โดยแผนงานหลักยังมุ่งเน้นการสร้างตัวแทนฯ ที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งจะตอบโจทย์การขยายฐานลูกค้าในกลุ่มหัวเมือง โดยเน้นการสร้างแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในใจลูกค้า ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ บริการด้านดิจิทัล และพัฒนาตัวแทนที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ยังยกระดับแคมเปญ Love Mindset สู่ Love Solution ผ่านพลังแห่งรักใน 3 ด้าน ได้แก่ Love Your Health, Love Your Wealth และ Love The World ซึ่งเชื่อว่าจะเพิ่มศักยภาพผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและเสนอโซลูชนที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
“ปี 68 ยังใช้แคมเปญพลังความรักมาเข้าให้ถึงลูกค้ามากขึ้น โดยเราจะคิดให้ลึกขึ้นทุกปี ถึงเหตุผลที่คนเลือกซื้อประกันได้ตรงความต้องการของเขา”

กลยุทธ์หลักของปี 2568 นี้คือการรุกขยายพอร์ตในกลุ่ม Gen Y มากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลที่บริษัทค้นคว้ามาพบว่า Gen Y สายเปย์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายและในด้านจำนวนประชากรถือว่ามีสัดส่วนที่สูง ซึ่งปัจจุบันพอร์ตหลักของบริษัทยังคงเป็นลูกค้ากลุ่ม Gen X มากที่สุด แต่เริ่มมี Gen Y มากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการปรับมาเข้าถึงลูกค้ากลุ่มในเมืองมากขึ้น โดยการรุกในกลุ่ม Gen Y จะใช้ 3 กลยุทธ์หลัก คือ
1. แบรนด์ที่โดนใจ ตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างแบรนก์ให้ตรงใจ และตอบโจทย์Gen Y มากยิ่งขึ้น ด้วยแคมเปญใหม่ การนำเสนอรูปแบบใหม่ ที่จะเปิดตัวภายในปีนี้
2. แบบประกันและบริการที่คุ้มค่า เพราะ Gen Y ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในทุกการใช้จ่าย ดังนั้นบริษัทจึงออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ หรือประกันโรคร้ายแรง ที่มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมและคุ้มค่า
3. ที่ปรึกษาประกันชีวิตที่เข้าใจคนรุ่นใหม่ ผ่านการพัฒนาตัวแทนประกันชีวิตสู่การเป็นที่ปรึกษาประกันชีวิต โดยบริษัทยังเน้นสร้างคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยทีมเพื่อรองรับดูแลลูกค้าที่เป็น Gen Y มากยิ่งขึ้น
ทั้ง 3 กลยุทธ์นี้ยังสอดคล้องกับการเพิ่มสัดส่วนคนทำงาน Gen Y ที่มากขึ้น โดยมีการปรับบรรยากาศในการทำงานให้ดึงดูดคนรุ่นใหม่ และอยากทำงานอยู่กับบริษัทฯ ในระยะยาว ซึ่่งสิ่งที่คาดไม่ถึงคือแม้จะมีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานในบริษัทมากขึ้น ซึ่งมักได้ยินว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการทำงานที่ไหนนานๆ แต่บริษัทยังคงมี Turn over ต่ำ ปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมด 1,500 คน จากเดิมที่ 2,500 คน โดยส่วนใหญ่กว่า 70% เป็นกลุ่ม Gen X และ Y
ในด้านการลงทุนยังเชื่อว่าปี 2568 จะทำได้ดีเหมือนปี 2567 ที่มีผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 4.72% โดยยังลงทุนอย่างรอบคอบ ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้คริปโตเคอเรนซี่แม้จะมีการพูดคุยกันบางส่วน แต่ด้วยเกณฑ์ในปัจจุบันธุรกิจประกันชีวิตยังไม่สามารถลงทุนได้ และไทยสมุทรประกันชีวิตไม่ใช่บริษัทที่จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงกลุ่มนี้
ส่วนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ปีนี้ยังไม่มีแผนลงทุนเพิ่มเติม เพราะปัจจุบันสำนักงานออฟฟิศให้เช่าที่มีอยู่ในตลาดยังสูงกว่าความต้องการที่มีอยู่ ขณะที่การลงทุนบ้านเพื่อผู้สูงอายุมองว่าน่าสนใจมาก มีการเตรียมที่ดินไว้แล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะเริ่มโครงการ ส่วนพอร์ตสินเชื่อที่ปล่อยกู้ให้ธุรกิจอสังหาฯ ปัจจุบันมีอยู่ราว 10,000 ล้านบาท ยังคงให้สินเชื่ออย่างระมัดระวัง
ส่วนแผน 5 ปีนับจากนี้ นุสราเล่าว่า “ความเร็วของการปรับตัวต้องไวยิ่งขึ้น จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป” และอยากเห็นไทยสมุทรฯ รุกเข้าไปในฐานลูกค้ากลุ่มหัวเมืองมากขึ้น และจะเน้นการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน การสร้างความยั่งยืนมากกว่าการเติบโตของเบี้ยประกันภัยเพียงอย่างเดียว
หัวใจสำคัญของแผนงาน 5 ปี คือการเปิดกว้างให้ทีมงานกล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ ยังคงเน้นการทำงานเป็นทีม แต่จะเปลี่ยนจาก Leader Centric มาสู่คนทำงานให้ได้คิดและกล้าลองได้เหมือนเดิม
ส่วนงานด้านสาขาจะมีการปรับเปลี่ยนบทบาทจากผู้ให้บริการไปสู่บทบาท Service to sell การสร้างคน การประสานงานกับพื้นที่ รวมถึงเพื่อรองรับการพัฒนาดิจิทัลที่เกิดขึ้น เดิมมีจำนวนสาขา 250 แห่ง ปัจจุบันลดเหลือ 111 สาขา และภายในปี 2568 ตั้งเป้าจะลดเหลือ 100 สาขา แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์
ทั้งนี้ ในปี 2567 ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ พบว่า มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมที่ 14,123 ล้านบาท และอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ที่ 85% โดยมีผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 4.72% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,110 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทมีสินทรัพย์ 106,769 ล้านบาท เงินสำรองประกันชีวิต 79,249 ล้านบาท และอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) 395.17% ซึ่งสูงกว่าเงินกองทุนขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดที่ร้อยละ 140%
ภาพ: บมจ. ไทยสมุทรประกันชีวิต
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ส.ประกันชีวิตไทย คาดปี 68 ธุรกิจประกันชีวิตยังโต 2-3% ผลดีเทรนด์ประกันสุขภาพ-โรคร้ายโตต่อ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine