MOSHI เผยปี 67 มีรายได้ 3,127.90 ล้านบาท มีกำไรสุทธิพุ่ง 27.5% จากปีก่อน เตรียมจ่ายปันผล 0.80 บาทต่อหุ้น ตั้งเป้าขยายต่อปี 68 รายได้โต 15-20% พร้อมขยาย 40 สาขาทั่วประเทศ วางงบลงทุนกว่า 280 ล้านบาท เดินหน้าออกสินค้าใหม่กว่า 10,000 รายการรวมถึงการออกสินค้าคาแรคเตอร์ใหม่ๆ ตลอดทั้งปี
นางสาวศุภรดา โรจน์วัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI เปิดเผย ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,051.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 793.50 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 205.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 153.99 ล้านบาท ขณะที่ อัตราการเติบโตของรายได้จากการขายของสาขาเดิม (SSSG) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.4% นับเป็นผลการเติบโตที่โดดเด่นทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง แม้จะมีการรับรู้ผลขาดทุนจากการร่วมทุน (JV) ในการจัด Exhibition ก็ตาม
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตมาจากกลุ่มสินค้าเทศกาลรวมถึงการทยอยเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องในสินค้าที่มีความหลากหลายทั้งรูปแบบและดีไซน์ ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการช็อปมากขึ้น รวมถึงเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลากหลายมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการสร้าง Branding “โมชิ โมชิ” มาตลอดปี อีกทั้ง การมีสินค้าลิขสิทธิ์มากมายหลากหลายคอลเลกชันใหญ่อย่างเช่น Snoopy, Sanrio Characters, Disney รวมถึงการคอลแลปส์ออกคาแรคเตอร์ศิลปิน K-POP และคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนต่างๆ อีกมากมาย ส่งผลให้มีลูกค้าเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,127.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 2,543.25 ล้านบาท และสามารถทำกำไรสุทธิได้ 520.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 408.23 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิทำได้ 16.6% ซึ่งเป็นปีที่บริษัทฯ สามารถสร้างผลงานเติบโตได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High)
อีกครั้ง สำหรับสัดส่วนรายได้จากการขายในปี 2567 แบ่งเป็น ธุรกิจค้าปลีกอยู่ที่ 82.2% ธุรกิจค้าส่งอยู่ที่ 15.6% และช่องทาง Online ช่องทางอื่นๆ อยู่ที่ 1.8% และ JV 0.4% โดยสินค้าหลักที่เติบโตได้อย่างโดดเด่น ได้แก่กลุ่ม Home Furnishing, Beauty, Fashion, กล่องสุ่ม และ Toys เป็นต้น ผลักดันให้อัตราการเติบโตของรายได้จากการขายของสาขาเดิม (SSSG) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.85% ประกอบกับในปี 2567 บริษัทฯ ได้เปิดสาขาร้าน Moshi Moshi ใหม่ทั้งสิ้น 34 สาขา ซึ่งในจำนวนนี้มีสาขา Standalone ใกล้มหาวิทยาลัย จำนวน 5 สาขาอีกด้วย
จากผลการดำเนินงานงวดปี 2567 ที่แข็งแกร่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานในปี 2567 ในอัตรา 0.80 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) วันที่ 2 พฤษภาคมนี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568
นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในปี 2568 คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตจากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศและแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 39 ล้านคน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายของห้างสรรพสินค้าในเมืองท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี โดยในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% ด้วยปัจจัยการเติบโต ได้แก่
1) การขยายสาขาใหม่ จำนวน 40 สาขาในปี 2568 โดยแบ่งรูปแบบการขยายสาขาในรูปแบบที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งห้างสรรพสินค้า, คอมมูนิตี้มอลล์, Hyper Market และสาขา Standalone 2 รูปแบบ คือ สาขาใกล้มหาวิทยาลัย และ Pilot Project สาขาขนาดใหญ่พื้นที่ 300 ตารางเมตรขึ้นไปในเขตชุมชน มุ่งขยายสาขาในพื้นที่ที่มีศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจ
2) การออกสินค้าใหม่กว่า 1,000 รายการต่อเดือน ผลักดันทั้งกลุ่มสินค้า License และ Non-License พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ผ่านกลยุทธ์การนำเสนอสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันที่โดดเด่นด้วยการออกแบบสวยงาม ในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่ม
3) รักษาอัตราการเติบโตของรายได้จากการขายของสาขาเดิม (SSSG) ให้เท่ากับปี 2567 ที่ 3-5%
โดย ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีสาขาค้าปลีกและค้าส่งที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 164 สาขา แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกแบรนด์ Moshi Moshi จำนวน 152 สาขา โดยเป็น รูปแบบ Standalone จำนวน 5 สาขา, ร้านค้าส่งแบรนด์ Moshi Moshi จำนวน 2 สาขา, ร้าน Garlic 3 สาขา, ร้านค้าส่ง Giant 1 สาขา และร้านค้าส่ง The OK Station 1 สาขา โดยในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ ได้เดินหน้าเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมแล้ว 3 สาขา ในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น Robinson จ.ร้อยเอ็ด Lotus จ.ราชบุรี และ ตลาดโอชอ วัดเทียนดัด จ.นครปฐม โดยสาขาที่ตลาดโอชอ ถือเป็นสาขาต้นแบบของ Standalone ในรูปแบบ Big Size ซึ่งได้เปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และได้รับกระแสตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาในรูปแบบดังกล่าวเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและรองรับการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ภาพ: MOSHI
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เมืองไทย แคปปิตอล ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อปี 68 เติบโต 15% เจาะกลุ่มคนค้าขาย-ผู้มีรายได้น้อย
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine