กรุงไทย ชูกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ที่ 11,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% แม้ตั้งสำรอง 8,029 ล้านบาท - Forbes Thailand

กรุงไทย ชูกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ที่ 11,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% แม้ตั้งสำรอง 8,029 ล้านบาท

เปิดงบธนาคารกรุงไทย ไตรมาส 1 ปี 2567 พบกำไรสุทธิที่ 11,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งรายได้ - สินเชื่อเติบโตอย่างสมดุล และบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่น ชูนโยบายแก้ปัญหาหนี้ให้ข้าราชการ ประชาชน


    นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 ขับเคลื่อนโดยการทยอยฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของภาครัฐ แต่ยังมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง จากปัญหาเชิงโครงสร้าง หนี้ครัวเรือนสูง ธุรกิจ SME บางส่วนเปราะบาง อีกทั้งมีความเสี่ยงจากปัจจัยนอกประเทศ

    จากความเสี่ยงเหล่านี้ทำให้ธนาคารกรุงไทย มุ่งเน้นการเติบโตแบบยั่งยืน ผ่านพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตอย่างระมัดระวัง พร้อมบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง และยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยรักษา Coverage Ratio ในระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

    ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร 11,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโต 15.4% รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและบริการสุทธิ เติบโต 8.5% และรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ เติบโต 23.3%

    ในด้านค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ อยู่ที่ 17,731 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี Cost to Income ratio เท่ากับ 43.6% โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายอย่างระมัดระวัง โดยธนาคารตั้งค่าเผื่อด้อยค่าทรัพย์สินรอการขายตามศักยภาพของทรัพย์สินอย่างเหมาะสมในไตรมาสที่ 1/2567 และยังคงลงทุนด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม

    ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 1/2567 ที่ 8,029 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อนที่ 38.6% (ลดลง 0.9%YoY) จากการที่ธนาคารได้ตั้งสำรองสำหรับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันที่มีแนวโน้มของคุณภาพสินเชื่อที่เสื่อมค่าลงในไตรมาสที่ 4/2566 แต่ยังคงรักษา Coverage ratio ที่ราว 181% ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับเมื่อสิ้นปี 2566 พร้อมทั้งบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างยืดหยุ่นและระมัดระวังต่อเนื่อง โดยมี สินเชื่อด้อยคุณภาพเท่ากับ 98,815 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566 และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio) เท่ากับ 3.14%

    ณ 31 มี.ค. 2567 ธนาคารมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 17.33% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น 20.50% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง

    อย่างไรก็ตาม ในด้านการแก้ปัญหาหนี้ ล่าสุด ได้ออกโครงการ “สินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน” เพิ่มเติมจากมาตรการช่วยเหลือข้าราชการที่ทำต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือข้าราชการที่มีภาระหนี้สูง

    ในด้านดิจิทัลและนวัตกรรม แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ที่มีผู้ใช้งาน 17.8 ล้านราย แอปฯเป๋าตัง 40 ล้านราย และแอปฯ ถุงเงิน 2 ล้านราย



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ​แบงก์กรุงศรี เผยไตรมาส 1 ปี 67 กำไรสุทธิหดตัว 13.1% ผลจากตั้งสำรองเพิ่ม 12,271 ล้านบาท

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine