ธนาคารกสิกรไทย เปิดงบ 9 เดือนแรกปี 2567 กำไรสุทธิแตะ 38,104 ล้านบาท ขยายตัว 15.41%YoY แม้กำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 ยังลดลง 5.43% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักเพราะรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยโดยเฉพาะธุรกิจประกันลดลง
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank เปิดเผยว่า นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ปี 2567 กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยยังมีภาพการฟื้นตัวไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรมซึ่งเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง และการใช้จ่ายของภาคเอกชน ขณะที่การลงทุนและการบริโภคของครัวเรือนที่เผชิญแรงกดดันจากด้านต้นทุน ภาระหนี้สิน รวมถึงรายได้ประชาชนที่ยังฟื้นตัวสู่ระดับปกติ
ทั้งนี้ ช่วงที่เหลือของปี 2567 แม้เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มการขยายตัวได้ แต่ต้องติดตามผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมและความผันผวนของค่าเงินบาท รวมถึงแนวโน้มการชะลอตัวของประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และสัญญาณการฟื้นตัวช้าของการใช้จ่ายภายในประเทศ
จากปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งผลให้ ในไตรมาส 3 ปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 11,965 ล้านบาท ลดลง 5.43% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หลัก ๆ เกิดจากการลดลงของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ส่วนใหญ่จากธุรกิจประกัน รวมถึงมีการตั้งสำรองเพื่อรอบรับความเสี่ยงด้านหนี้เสียที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม งบการเงิน 9 เดือนแรกปี 2567 ยังคงมีกำไรสุทธิสูงถึง 38,104 ล้านบาท ขยายตัว 15.41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
นอกจากนี้ ณ 30 ก.ย. 67 ธนาคารฯ มีเงินให้สินเชื่อสุทธิ 2.32 ล้านล้านบาท ลดลง 2.11% จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึง และกลยุทธ์ที่เน้นการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ ธุรกิจที่ไม่มีหลักประกันบางส่วนได้หยุดดำเนินการลง โดยธนาคารมีแผนการขายในอนาคต และได้โอนย้ายไปเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน รวมทั้งมีแผนให้บริษัทย่อยของธนาคารจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ในไตรมาส 3/67 มีการตั้งสำรองฯ จำนวน 11,652 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน
ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรก ปี 2567 ได้แก่
- กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของธนาคาร) ที่ 38,104 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.41%YoY
- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่มีจำนวน 113,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.14%YoY
- อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) อยู่ที่ระดับ 3.66%
- รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ 36,229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.64%YoY
- ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ มีจำนวน 64,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.02% มาจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน เทคโนโลยีและการตลาด
- อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.95% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
- สินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ที่ 92,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.53% จากสิ้นเดือน มิ.ย. 67
- เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.20% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ณ 30 มิ.ย. 67 ที่อยู่ระกับ 3.18%
- ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ณ 9 เดือนแรกปี 67 อยู่ที่ 35,009 ล้านบาท ลดลง 8.52%YoY
- อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) อยู่ที่ 150.72%
ณ 30 ก.ย. 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4.36 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.95% จากสิ้นปี 2566 ด้านเงินให้สินเชื่อสุทธิ 2.32 ล้านล้านบาท ลดลง 2.11% สำหรับเงินรับฝากมี 2.77 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.61% ส่งผลให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 87.85% ทั้งนี้ หากไม่รวมปริมาณเงินรับฝากที่เพิ่มในระยะสั้น อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 20.58%
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กรุงศรีเผยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ 23,424 ล้านบาท ลดลง 7% เหตุตั้งสำรองรับความเสี่ยงหนี้
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine