ธนาคารกสิกรไทยประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี หวังช่วยลดภาระหนี้ของลูกค้าทุกกลุ่ม มีผล 4 มี.ค. 2568 หลังจากก่อนหน้านี้ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงไทยออกมาประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุดที่ 0.25% ต่อปีโดยมีผล 3 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา
นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.25% เหลือ 2.00% ต่อปี นั้น ธนาคารพร้อมตอบสนองต่อมาตรการดังกล่าวด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกค้าทุกกลุ่มสูงสุด 0.25% เพื่อตอกย้ำความตั้งใจของธนาคารในการดูแลและช่วยเหลือลูกค้าบรรเทาภาระหนี้ ลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อสำหรับภาคธุรกิจ และภาคครัวเรือน
นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของธนาคารในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศซึ่งยังคงเผชิญกับความท้าทายและมีแนวโน้มขยายตัวได้ไม่เต็มที่ ทั้งจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันที่สูงขึ้น รวมถึงนโยบายการค้าที่มีความไม่แน่นอน ตลอดจนเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการเสริมสร้างกำลังซื้อของประชาชน เพิ่มสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีผลวันที่ 4 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป รายละเอียด ดังนี้
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลด 0.25% จาก 7.34% เป็น 7.09% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลดจาก 7.15% เป็น 7.05% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลดจาก 7.18% เป็น 7.08% ต่อปี
ธนาคารกสิกรไทยยังคงพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะสมเพื่อให้ลูกค้าสามารถรับมือและบริหารจัดการภาระหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถดำเนินการติดต่อผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคารได้ทุกช่องทาง
ภาพ: กสิกรไทย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : แบงก์แรก! ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี มีผล 3 มี.ค. 68 นี้
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine