ค่าเงินเยนอ่อนค่าในรอบ 27 ปี แตะระดับ 22.78 เยนต่อ 100 บาทผลสหรัฐยังแข็งแกร่ง - Forbes Thailand

ค่าเงินเยนอ่อนค่าในรอบ 27 ปี แตะระดับ 22.78 เยนต่อ 100 บาทผลสหรัฐยังแข็งแกร่ง

เช้าวันนี้ (1 ก.ค. 67) ค่าเงินเยนอ่อนค่าแตะ 22.78 บาทต่อ 100 เยน ถือว่าอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 27 ปี กรุงศรีฯ​ จับตาสัปดาห์นี้ เงินเยนอาจอ่อนค่าแตะ 22.6 บาทต่อ 100 เยน หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง และธนาคารกลางสหรัฐยังไม่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย ก.ย. นี้


    ด้าน รุ่ง สงวนเรือง ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) หรือ กรุงศรี เปิดเผยกับ Forbes Thailand ว่า เช้านี้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงไปที่ 22.78 บาทต่อ 100 เยน โดยค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับค่าเงินบาทถือว่าอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 27 ปี

    ทั้งนี้ ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง และภายในสัปดาห์นี้ (1-5 ก.ค.) มีโอกาสที่จะอ่อนค่าไปถึง 22.60 เยนต่อ 100 บาท หากตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะออกมาดีกว่าที่คาด (เช่น ISM ภาคบริการ ฯลฯ) โดยยังต้องติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่จะออกมาช่วงกลางสัปดาห์นี้เช่นกัน

    เมื่อวันศุกร์ (28 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 161.27 เยนต่อ เหรียญสหรัฐ ถือว่าอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 38 ปี ซึ่งวันนี้เข้าใกล้จุดสูงสุดเดิมโดยอยู๋ที่ 161.68 เยนต่อ เหรียญสหรัฐ โดยปัจจัยหลักที่เยนอ่อนค่ามาจาก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นจากที่ตลาดคาดว่าเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับสูง หาก โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และมีการออกมาตรการกระตุ้นทางการคลังจำนวนมาก ซึ่งทำให้ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นยังขยับสูงขึ้น

    ในระยะต่อไป มองว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง แต่อาจไม่ได้ช่วยค่าเงินเยนที่อ่อนค่า หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังอยู่ระดับสูง ทั้งนี้มองว่ายังไม่มีการแทรกแซงค่าเงินรอบใหม่จากทางการญี่ปุ่น (หากจะมี อาจเป็นช่วง 1-2 วันนี้ที่จะทำได้เพียงซื้อเวลาเท่านั้น) หลังจากการเข้าแทรกแซงเมื่อปลายเดือน เม.ย. 2567 ที่ผ่านมาซึ่งมีผลเพียง 2 เดือน ปัจจัยหลักในการอ่อนค่ายังขึ้นอยู่กับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ



ภาพ jun-rong-loo-GHXNJWmNAeI-unsplash (1)



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เงินเยนอ่อนค่า คนไทยแห่เที่ยว ‘ญี่ปุ่น’ ช็อปแบรนด์เนมเพิ่ม 2 เท่า

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine