Forbes Thailand จัดงานสัมมนา The Next Tycoons 2024 ในหัวข้อ The FUTURPRENEUR: Reimagine, Reinvent, Refine เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยในงานเหล่าผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ได้มาแชร์ประสบการณ์พร้อมเผยถึงแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัลในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในส่วนของการเสวนา Panel Discussion 2. Reinvent: Business with Technology Integration ได้รับเกียรติจาก 2 ผู้บริหารที่จะมาร่วมแบ่งปัน "องค์ความรู้ใหม่" ของการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้ามากกว่าเดิมในยุคปัจจุบัน
เริ่มกันที่ ณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก กล่าวว่า "จากเดิมที่ในอดีตกว่า 50 ปีก่อน แบรนด์แม่ทองสุกเน้นขายทองคำผ่านร้านทองตู้แดงและตัวแทนยี่ปั๊ว ซาปัํ๊ว แต่ในปัจจุบันทางบริษัทได้มีการใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจในการจำหน่ายทองคำให้แก่ผู้บริโภคผ่านออนไลน์ โดยเราถือเป็นเจ้าแรกที่ขายทองผ่านแอปพลิเคชัน 'เป๋าตัง' ซึ่งมี user หรือผู้ใช้ทั่วประเทศกว่า 44 ล้านราย ถือเป็นการทำงานโปรเจกต์ใหญ่ที่ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติที่เปิดโอกาสให้ประชาชนชาวบ้านทั่วไปที่เก็บออมหรือลงทุนผ่านตลาดหุ้นไม่เป็น แต่สามารถลงทุนซื้อทองเก็บไว้ทั้งระยะสั้นและยาวผ่านแอปฯ ได้โดยง่าย
นอกจากนี้ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางแม่ทองสุกยังจับมือกับ KKP Dime ในการเปิดให้บริการซื้อขายทองคำจากร้านทอง MTS Gold แม่ทองสุก ด้วยการลงทุนเริ่มต้นเพียง 100 บาท ก็สามารถเก็บออมเงินผ่านการซื้อทองจากแอปพลิเคชัน Dime ได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม MTS Gold แม่ทองสุก ไม่ได้ให้บริการซื้อขายทองคำแค่ในประเทศไทยเท่านั้น เพราะตลอด 10 ปีผ่านมา ยังมีการขยายธุรกิจออกไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง และตะวันออกกลาง โดยมั่นใจว่าเป็นปัจจุบันถือเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดดังกล่าวจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านทองคำที่มีมานานวกว่า 70 ปี และยังให้บริการซื้อขายทองคำผ่านทางออนไลน์และออฟลน์ได้อย่างครบวงจร
ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก ยังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า "ปัจจุบันคนทำธุรกิจมีโอกาสพร้อมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ทันสมัยดีกว่ายุคก่อนๆ แต่การจะใช้เครื่องมือดังกล่าวเจาะตลาดในประเทศอย่างเดียวคงไม่พอ เราจะต้องหาโอกาสออกไปเจาะตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่าง CLMV ก่อนด้วย"
ด้าน พรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จำกัด ผู้ที่ได้รับฉายาในวงการ 'เจ้าแม่เอเจนซี่ตลาดจีน' กล่าวว่า การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีการนำเอาเทคโนโลยีนวัตกรรมต่างๆ ที่ทันสมัยมาใช้ โดยล่าสุดเองทางบริษัทมีการลงทุนสูงถึง 500 ล้านบาท ผนึกกำลังร่วมกับ WeChat Pay และหน่วยงานภาครัฐของไทย เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. , กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงพาณิชย์ ในการเปิดตัว 'เหวย ไท่ กว๋อ' (WeiTaiGuo) แพลตฟอร์มข้อมูลด้านการท่องเที่ยวไทยสำหรับนักท่องเที่ยวจีน ครอบคลุม 66 โลเคชั่น เมืองใหญ่และเมืองน่าเที่ยว พร้อมบริการ Payment on Ground และ Payment on Service ผ่าน WeChat Pay อย่างไร้รอยต่อ ตั้งเป้าให้เป็นแพลตฟอร์มที่นักท่องเที่ยวจีนทุกคนต้องมีภายใน 1 ปี
ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าว เกิดขึ้นจากการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่ม FIT (Free and Independence Traveler) ที่นิยมเที่ยวและเดินทางด้วยตัวเอง ซึ่งมีสัดส่วนถึง 80.6% ของนักท่องเที่ยวจีนในกลุ่มของผู้ที่มีรายได้สูง คิดเป็นค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวเฉลี่ยตัวหัวอยู่ที่คนละ 100,000 บาทต่อทริป และมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยแพลตฟอร์มนี้นอกจากจะช่วยให้นักท่องเที่ยวจีนเข้าถึงข้อมูลการท่องเที่ยวไทยได้อย่างสะดวกสบาย สามารถใช้จ่ายผ่าน WeChat Pay ได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ใช้งานที่เป็นนักท่องเที่ยวจีนจะต้องเสียค่าบริการเพิ่มอีก 3% สำหรับการใช้บริการต่างๆ ในไทย และในส่วนของธุรกิจร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงร้านสตรีทฟู้ดชื่อดัง ต่อเนื่องไปถึงโรงแรมที่พักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยก็จะได้รับประโยชน์จากแอปฯ นี้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จำกัด ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า "ในอนาคตอีก 3-5 ปีข้างหน้า ธุรกิจภาคการท่องเที่ยวของไทยจะต้องปรับตัวให้ไว และจะรอแต่กรุ๊ปทัวร์ใหญ่ๆ จากต่างชาติมาลงอย่างเดียวไม่ได้ ธุรกิจหรือสินค้าใดที่เห็นว่าเป็น Rising Star กำลังมาแรงได้รับความนิยมสูงให้รีบผลักดันจนเกิดการซื้อขายเป็นมูลค่ารายได้สูงก็ให้รีบนำสินค้าดังกล่าวนี้บุกตลาดจีนำร่องไปก่อนแล้วทยอยผลักดันสินค้าอื่นตาม ปัจจุบันที่เห็นกระแสข่าวสินค้าจีนราคาถูกจำนวนมากทะลักเข้าไทย เราก็ต้องเร่งสร้างความต่างด้วยคุณภาพ เอกลักษณ์ความโดดเด่นของสินค้า ศิลปะ วัฒนธรรมไทยที่ลอกเลียนแบบได้ยาก ดีกว่าไปแข่งลงทุนขายสินค้าหรือบริการที่มีราคาถูกเพราะเราคงสู้กับตลาดจีนที่มีกำลังการผลิตสูงแต่มีต้นทุนการผลิตในราคาที่ถูกมากๆ ไม่ได้"
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : The Next Tycoons 2024: อ่านมุมมอง 2 ผู้บริหารไฟแรงจาก ‘Maxbit-ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น’
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine