ท่ามกลางความไม่แน่นนอนและโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ภาคธุรกิจรวมถึงผู้ประกอบการยิ่งต้องเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างจากอดีต ด้วยเหตุนี้ Forbes Thailand จึงจัดงานเสวนาใหญ่ประจำปี The Next Tycoons 2024 ในหัวข้อ The FUTURPRENEUR: Reimagine, Reinvent, Refine ขึ้นเพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้นำธุรกิจแถวหน้ารุ่นใหม่จากหลากหลายอุตสาหกรรม มาบอกเล่าประสบการณ์ และแสดงวิสัยทัศน์เพื่อฝ่าฟันความท้าทายที่เกิดขึ้นรอบด้าน
งานเสวนา The Next Tycoons 2024 ที่จัดขึ้นเมื่อ 21 สิงหาคม 2567 ณ World Ballroom ชั้น 23 โรงแรม Centara Grand & Bangkok Convention Centre at Central World โดยมีนักธุรกิจแนวหน้าจากหลากหลายธุรกิจมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ผ่าน 3 หัวข้อหลัก ช่วงที่ 1 The Reimagine: New-Age Leadership Mindset โดยมีผู้นำทางธุรกิจยุคใหม่ที่จะมาแชร์ "มุมมองใหม่" ในการสร้างองค์กรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เริ่มต้นที่ ‘ปกเขตร รัชกิจประการ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด กล่าวว่า Maxbit เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ร่วมทุนกับ PTGenergy และอยู่ภายใต้หน่วยงานผู้กำกับฯ ของไทย เริ่มให้บริการช่วงต้นปี 2567 ซึ่ง 5 เดือนที่ผ่านมา มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มูลค่าหลักร้อยล้านบาท แต่ส่วนที่น่าสนใจคือ มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่หลักพันล้านบาทต่อวัน
หนึ่งในความท้าทายของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ Maxbit ยังมุ่งเน้นคือการให้ความรู้กับนักลงทุนอย่างรับผิดชอบ และเข้าใจในความเสี่ยงของการลงทุน แม้ตอนนี้จะยังมุ่งเน้นฐานลูกค้ารายใหญ่และสถาบันในช่วงแรก แต่ในปี 2567 นี้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดราว 10% และมุ่งจะเป็นอันดับ 2 ของตลาดฯ ในอนาคต
“การที่เราจะเป็นหนึ่งในนั้นได้ แม้เรามาทีหลัง กลยุทธ์ของเราจะต้องแตกต่างจากผู้เล่นที่มีในตลาด สิ่งที่เราเน้นย้ำและโฟกัส คือ ไม่ใช่คุณมีสินทรัพย์ 100 แล้วจะนำไปลงใน Digital asset ทั้งหมด แต่ควรจะกระจายการลงทุน เช่น 3-5%” ปกเขตร กล่าว
ขณะที่ ‘ธิดา แก้วบุตตา’ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เล่าถึงความท้าทายในปัจุจบัน และสิ่งที่องค์กรต้องเร่งรับมือ คือ “ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็นวิกฤตความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามทุกอย่าง Sensitve ไปหมด สิ่งที่ต้องทำเป็นหลักคือการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า ความเชื่อมั่นสร้างได้หลายแบบ โดยเฉพาะภาพลักษณ์ ระบบหลังบ้านเราบริหารจัดการมาตลอด ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญตลอดมา จากนี้เป็นต้นไปเราจะมุ่งสร้างความเชื่อมั่น และเติบโตไปพร้อมกับสังคมไทยผ่านการทำให้ลูกค้ามั่นใจที่จะใช้บริการกับเรา ไม่ต้องใช้เงินนอกระบบ”
ด้านฐานลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มเปราะบางที่อาจยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อของธนาคาร หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มนี้เราจึงให้บริการสินเชื่อได้เร็ว ภายใต้การบริหารความเสี่ยงให้ดี นอกจากนี้เรายังมีคู่แข่งเป็นกลุ่มหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็น MileStone ถัดไปของ ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ที่จะค่อยๆ ทดแทนกลุ่มหนี้นอกระบบ แต่เชื่อว่าปัญหานี้ทุกภาคส่วนควรให้ความสำคัญ
นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบหลังบ้าน ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี ปัจจุบันเริ่มใช้ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ มาเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้พร้อมรับการพัฒนาที่จะเกิดขึ้น หากในอนาคตพฤติกรรมของลูกค้าอาจเปลี่ยนแปลงไป
ช่วงที่ 2 Reinvent: Business with Technology Integration ซึ่งมี 2 ผู้บริหารที่มาร่วมแบ่งปัน "องค์ความรู้ใหม่" ที่จะปรับใช้ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
โดย ณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก กล่าวว่า "จากเดิมที่ในอดีตกว่า 50 ปีก่อน แบรนด์แม่ทองสุกเน้นขายทองคำผ่านร้านทองตู้แดงและตัวแทนยี่ปั๊ว ซาปัํ๊ว แต่ในปัจจุบันทางบริษัทได้มีการใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจในการจำหน่ายทองคำให้แก่ผู้บริโภคผ่านออนไลน์ โดยเราถือเป็นเจ้าแรกที่ขายทองผ่านแอปพลิเคชัน 'เป๋าตัง' ซึ่งมี user หรือผู้ใช้ทั่วประเทศกว่า 44 ล้านราย ถือเป็นการทำงานโปรเจกต์ใหญ่ที่ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติที่เปิดโอกาสให้ประชาชนชาวบ้านทั่วไปที่เก็บออมหรือลงทุนผ่านตลาดหุ้นไม่เป็น แต่สามารถลงทุนซื้อทองเก็บไว้ทั้งระยะสั้นและยาวผ่านแอปฯ ได้โดยง่าย
อย่างไรก็ตาม MTS Gold แม่ทองสุก ไม่ได้ให้บริการซื้อขายทองคำแค่ในประเทศไทยเท่านั้น เพราะตลอด 10 ปีผ่านมา ยังมีการขยายธุรกิจออกไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง และตะวันออกกลาง โดยมั่นใจว่าเป็นปัจจุบันถือเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดดังกล่าวจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านทองคำที่มีมานานวกว่า 70 ปี และยังให้บริการซื้อขายทองคำผ่านทางออนไลน์และออฟลน์ได้อย่างครบวงจร
ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก ยังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า "ปัจจุบันคนทำธุรกิจมีโอกาสพร้อมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ทันสมัยดีกว่ายุคก่อนๆ แต่การจะใช้เครื่องมือดังกล่าวเจาะตลาดในประเทศอย่างเดียวคงไม่พอ เราจะต้องหาโอกาสออกไปเจาะตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่าง CLMV ก่อนด้วย"
ขณะที่ พรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จำกัด ผู้ที่ได้รับฉายาในวงการ 'เจ้าแม่เอเจนซี่ตลาดจีน' กล่าวว่า การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีการนำเอาเทคโนโลยีนวัตกรรมต่างๆ ที่ทันสมัยมาใช้ ล่าสุดเองทางบริษัทมีการลงทุนสูงถึง 500 ล้านบาท ผนึกกำลังร่วมกับ WeChat Pay และหน่วยงานภาครัฐของไทย เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. , กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงพาณิชย์ ในการเปิดตัว 'เหวย ไท่ กว๋อ' (WeiTaiGuo) แพลตฟอร์มข้อมูลด้านการท่องเที่ยวไทยสำหรับนักท่องเที่ยวจีน ครอบคลุม 66 โลเคชั่น เมืองใหญ่และเมืองน่าเที่ยว พร้อมบริการ Payment on Ground และ Payment on Service ผ่าน WeChat Pay อย่างไร้รอยต่อ ตั้งเป้าให้เป็นแพลตฟอร์มที่นักท่องเที่ยวจีนทุกคนต้องมีภายใน 1 ปี
ทั้งนี้ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จำกัด ยังกล่าวเสริมด้วยว่า "ในอนาคตอีก 3-5 ปีข้างหน้า ธุรกิจภาคการท่องเที่ยวของไทยจะต้องปรับตัวให้ไว และจะรอแต่กรุ๊ปทัวร์ใหญ่ๆ จากต่างชาติมาลงอย่างเดียวไม่ได้ ธุรกิจหรือสินค้าใดที่เห็นว่าเป็น Rising Star กำลังมาแรงได้รับความนิยมสูงให้รีบผลักดันจนเกิดการซื้อขายเป็นมูลค่ารายได้สูงก็ให้รีบนำสินค้าดังกล่าวนี้บุกตลาดจีนำร่องไปก่อนแล้วทยอยผลักดันสินค้าอื่นตาม ปัจจุบันที่เห็นกระแสข่าวสินค้าจีนราคาถูกจำนวนมากทะลักเข้าไทย เราก็ต้องเร่งสร้างความต่างด้วยคุณภาพ เอกลักษณ์ความโดดเด่นของสินค้า ศิลปะ วัฒนธรรมไทยที่ลอกเลียนแบบได้ยาก ดีกว่าไปแข่งลงทุนขายสินค้าหรือบริการที่มีราคาถูกเพราะเราคงสู้กับตลาดจีนที่มีกำลังการผลิตสูงแต่มีต้นทุนการผลิตในราคาที่ถูกมากๆ ไม่ได้"
ช่วงที่ 3 Refine: Philosophy of Success of the New Era หรือ "ปรัชญาสู่ความสำเร็จฉบับใหม่" โดยมี 2 ผู้บริหารหนุ่มที่มาบอกเล่าการทำธุรกิจในเส้นทางที่ต่างออกไป
ด้าน ‘ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด (Jitta Wealth) เปิดเผยว่า 10 ปีก่อน Jitta Wealth เห็นโอกาสในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้อำนวยความสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน และช่วยวางแผนการบริหารพอร์ต โดยวิสัยทัศน์คือการช่วยให้ทุกคนสามารถลงทุนได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ปัจจุบัน Jitta Wealth ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จอันเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ผ่านอัลกอริทึมที่สามารถประมวลผลข้อมูลมหาศาล และสามารถวิเคราะห์มุมมองต่างๆ อย่างรอบด้าน
สำหรับก้าวต่อไป Jitta Wealth มุ่งมั่นในภารกิจหลักที่จะสนับสนุนให้คนไทยเข้าถึงการออมเงินและการลงทุนกันได้มากขึ้น ในคนไทยทุกกลุ่ม
สุดท้ายนี้ฝั่ง ‘ดร. จักรพล จันทวิมล’ กรรมการผู้จัดการบริษัท นันยาง มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้นำธุรกิจของ นันยาง แบรนด์รองเท้าคลาสสิคที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน เล่าถึงโจทย์หลักว่าจะขาย ‘สินค้าดั้งเดิม’ อย่างไรให้ยังคงครองใจผู้บริโภคได้ไม่เปลี่ยนท่ามกลางยุคสมัยที่แปรผันไป หนึ่งในกลยุทธ์คือการพลิกโฉม (Refine) ปรับตัวตามค่านิยมของสังคมที่เปลี่ยนไป
ดร. จักรพล ยกตัวอย่างแคมเปญของนันยางเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่า เมื่อแบรนด์รับรู้ว่าผู้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงปัญหาเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งหรือ bully ในโรงเรียน จึงได้ออกแถลงการณ์ขอโทษที่เคยสร้างภาพลักษณ์ ‘ความเก๋า’ โดยผูกโยงกับนิสัยเกเรในอดีต พร้อมแสดงจุดยืนใหม่ที่ไม่สนับสนุนการกลั่นแกล้งในโรงเรียน นอกจากนี้ยังมีการปรับวิธีการทำงานและบริหารองค์กรให้ธุรกิจครอบครัวดำรงอยู่ต่อไปได้ไม่ล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา
นอกจากนี้แนวคิดหลักในการทำธุรกิจยังคงเป็นเรื่อง ‘คน’ อย่างกรณีของ ‘ห้างซีคอน’ หรือ Seacon Square อีกหนึ่งธุรกิจภายใต้การดูแลของเขา ในด้าน ‘บุคลากร’ ที่ต้องผสาน ให้คนแต่ละรุ่นทุก Gen รับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่เสมอ ในอีกด้าน คือ ‘คน’ ที่หมายถึงลูกค้า และผู้อาศัยรอบข้างห้างฯ เป็นตัวแปรที่ต้องใส่ใจเช่นกัน ดังนั้นจึงเห็น ‘ห้างซีคอน’ มุ่งสร้างประสบการณ์ใหม่ ทุกๆ สองสัปดาห์เพื่อให้ผู้มาเยือนได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ เสมอ
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2567 พบกับบุคคลบนปก ‘นุสรา บัญญัติปิยพจน์’ หญิงแกร่งแห่ง OCEAN LIFE Healthiverse Empire
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine