ธนาคารกรุงเทพ มองอินเดียเป็นประเทศแห่งโอกาส เพราะ GDP เติบโต 6-7% ต่อเนื่อง และมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคนถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ โดยอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเพื่อขยายสาขาไปอินเดีย เตรียมความพร้อมด้านสินเชื่อ พร้อมสนับสนุนธุรกิจไทยที่ต้องการลงทุนในอินเดีย
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL กล่าวว่า อินเดียเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณ 6-7% ต่อปีต่อเนื่อง ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่าน และยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในอนาคต จึงเป็นโอกาสของนักธุรกิจไทยที่จะเข้าไปค้าขายหรือลงทุนในอินเดีย
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเพื่อขยายสาขาไปอินเดีย เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังอินเดีย ทั้งในด้านการให้คำปรึกษา การจัดการความเสี่ยง และการสนับสนุนด้านการเงิน ผ่านบริการต่างๆ เช่น การจัดหาทุนสำหรับ การนำเข้าและส่งออก การทำประกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ฯลฯ โดยทางธนาคารมีความพร้อมที่จะสร้างพันธมิตรกับธนาคารท้องถิ่นและองค์กรการเงินในอินเดีย ซึ่งจะทำให้ ธุรกิจไทยสามารถเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับภูมิทัศน์ทางการเงินที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าชาวอินเดียและชาวไทยเชื้อสายอินเดีย ทั้งจากสาขาในประเทศไทยและสาขาในต่างประเทศจำนวนมาก และด้วยเศรษฐกิจของอินเดียที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันมีลูกค้าของธนาคาร โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่หลายกลุ่มอุตสาหกรรมเข้าไปลงทุนในอินเดียแล้ว และมองว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยธนาคารยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเพื่อขยายสาขาไปยังประเทศอินเดียเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและนักลงทุน ขณะเดียวกันธนาคารก็พร้อมให้การสนับสนุนด้านข้อมูลเพื่อให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจและเข้าไปลงทุนในตลาดอินเดียได้อย่างเหมาะสม” นายชาติศิริ กล่าว
นายนาเคศ สิงห์ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย กล่าวว่า ความเข้าใจเกี่ยวกับอินเดียของนักลงทุนอาจจะยังมีความคลาดเคลื่อนและยังไม่รู้จักอินเดียอย่างแท้จริง จึงทำให้ไม่กล้าตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุน แต่ด้วยศักยภาพที่ผ่านมาจากอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเติบโตเฉลี่ยที่ 8% ต่อปี คิดเป็น 17% ของ GDP โลก และคาดหวังจะเป็น 1 ใน 5 ประเทศของโลกที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ อินเดียกำลังเป็นที่น่าจับตามอง และจะกลายเป็นประเทศดาวรุ่งของภูมิภาค ที่มีความพร้อมทั้งด้านทรัพยากร เทคโนโลยี แรงงาน และต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งด้วยจำนวนประชากรที่มากที่สุดในโลก (กว่า 1,400 ล้านคน) คาดว่าภายในปี 2570 อินเดียจะกลายเป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก จึงเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เหมาะแก่การลงทุนมากที่สุด
“ไทยและอินเดียมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน โดยมีความร่วมมือกันทั้งในระดับอาเซียน และเป็นหุ้นส่วนในระดับทวิภาคีต่างๆ แต่การลงทุนของไทยในอินเดีย ยังคงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ปัจจุบันการลงทุนของไทยในอินเดียเป็นอันดับ 5 รองจากสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม” นายนาเคศ กล่าว
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ประชากรอินเดียกว่า 1,400 ล้านคน ถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีโอกาสอีกมากสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยสินค้าส่งออกของไทยที่ยังเป็นที่ต้องการ อาทิ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มีมูลค่าการส่งออกไปอินเดียกว่า 1,000 ล้านบาท กลุ่มสินค้าผลไม้สดและแปรรูป มีมูลค่าส่งออกกว่า 607 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีบริษัทในไทยเข้าไปลงทุนอยู่ราว 45 บริษัท
ภาพ: ธนาคารกรุงเทพ
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ก.ล.ต. เดินหน้าหนุนเทรนด์ยั่งยืนผ่านตราสารหนี้-ทรัสต์ 9 หวังขยาย Carbon Credit สำหรับซื้อขาย
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine