ครึ่งปี ‘บางจาก’ รายได้รวม 293,438 ล้าน เติบโต 98% YoY - Forbes Thailand

ครึ่งปี ‘บางจาก’ รายได้รวม 293,438 ล้าน เติบโต 98% YoY

กลุ่มบริษัทบางจากรายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2567 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 293,438 ล้านบาท EBITDA 26,072 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 4,261 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.91 บาท


    นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในครึ่งแรกปี 2567 ว่า แม้ต้องเผชิญกับ Crack Spread ของทุกผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามภาวะตลาดโลก และโรงกลั่นพระโขนงมีการปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นตามวาระ บางจากฯ สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

    โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 293,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 คิดเป็น EBITDA รวม 26,072 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48 จากช่วงเดียวกันของปี 2566 และมีกำไรสำหรับงวดส่วนของบริษัทใหญ่ 4,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.91 บาท

    และจากการเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจผ่านการลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพสูง และการสร้าง Synergy ระหว่างกันภายในกลุ่มบริษัทบางจาก ส่งผลให้รับรู้ Synergy จากผลการดำเนินงานต่อเนื่อง มียอดสะสมกว่า 3,000 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2567 บรรลุเป้าหมาย EBITDA Synergy ไม่น้อยกว่า 2,500 ล้านบาทในปี 2567 แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย EBITDA Synergy 3,000 ล้านบาทต่อปีในปีต่อๆ ไป

    นอกจากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้ว บางจากฯ ยังได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทชั้นนำ 500 อันดับแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการประกาศรายชื่อโดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune) เป็นครั้งแรกในปี 2567 ได้รับการประกาศจาก Financial Times เป็นองค์กรชั้นนำด้านสภาพภูมิอากาศ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Climate Leaders 2024) รวมถึงได้รับการจัดอยู่ในดัชนี SET50 ในรอบการคำนวนตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2567


    ในช่วงที่เหลือของปี 2567 คาดว่า ค่าการกลั่นมีแนวโน้มเข้าสู่ระดับที่มีเสถียรภาพมากขึ้นจากอุปสงค์ที่จะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ซึ่งบริษัทฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยจะบริหารจัดการอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างรากฐานที่มีเสถียรภาพและมั่นคงเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

    นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน รายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญในครึ่งแรกของปี 2567 ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ ดังนี้

    -กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน (โรงกลั่นพระโขนงและโรงกลั่นศรีราชา) มี EBITDA 6,452 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากช่วงเดียวกันปี 2566 ได้รับแรงหนุนหลักจากผลการดำเนินงานของ BSRC ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทบางจากตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566

    อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 251,000 บาร์เรลต่อวัน โดยโรงกลั่นศรีราชามีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นและสร้างสถิติใหม่ต่อเนื่องได้ช่วยชดเชยอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยที่ลดลงของโรงกลั่นพระโขนงที่มีการปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นตามวาระ (Turnaround Maintenance) เป็นระยะเวลา 27 วัน (ระหว่างวันที่ 7 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน 2567)

    นอกจากนี้ยังมี Inventory Gain 438 ล้านบาท (รวมการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV)) ช่วยชดเชยปัจจัยกดดันจาก Operating GRM ที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2566 จาก Crack Spread ของทุกผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลงตามภาวะตลาดโลกจากอุปสงค์อ่อนแอจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

    -กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 4,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 จากช่วงเดียวกันปี 2566 มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทางสร้างสถิติใหม่ที่ 6,919 ล้านลิตร เติบโตมากกว่าร้อยละ 100 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ตามการขยายตัวของเครือข่ายสถานีบริการและฐานลูกค้าอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมมากขึ้นภายหลังการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มครึ่งปีของ BSRC ผสานกับการดำเนินแผนกลยุทธ์การตลาดให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ช่วยผลักดันยอดจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการรวม 2,214 แห่งทั่วประเทศ

    -กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด โดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มี EBITDA 2,424 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 จากช่วงเดียวกันปี 2566 โดยปัจจัยหลักมาจากการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น จากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มครึ่งปีจากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ 4 แห่งในสหรัฐฯ ด้วยกำลังการผลิตรวม 857 เมกะวัตต์

    และการลงทุนในคลังน้ำมัน ท่าเทียบเรือ และท่อขนส่งน้ำมันในจังหวัดเพชรบุรี ช่วยบรรเทาผลกระทบการสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยได้ทั้งหมด นอกจากนี้มีการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายไปซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 9 โครงการ

    -กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ โดยบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) มี EBITDA 493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 จากช่วงเดียวกันปี 2566 ได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของเอทานอลและไบโอดีเซล สอดคล้องกับการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจการตลาด

    -กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA รวม 13,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 จากช่วงเดียวกันปี 2566 โดยปริมาณการผลิตและจำหน่ายปรับเพิ่มขึ้น จากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มครึ่งปีจากแหล่งปิโตรเลียม Statfjord ที่ได้รับโอนสิทธิ์เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 แหล่งผลิต Brage สามารถเพิ่มกำลังการผลิตและแหล่งผลิต Hasselmus ที่เริ่ม COD ในเดือนตุลาคม 2566



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : OR พา ‘คาเฟ่ อเมซอน’ บุกบังกลาเทศ ตั้งเป้าเปิดสาขาแรกไตรมาส 4 ปีนี้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine