ฟินเทคมาแรงโอนเงินต่างแดนพุ่ง DeeMoney ชู 3 จุดแข็งขยายตลาด - Forbes Thailand

ฟินเทคมาแรงโอนเงินต่างแดนพุ่ง DeeMoney ชู 3 จุดแข็งขยายตลาด

วิถีดิจิทัลทำให้ธุรกรรมการเงินออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว บริการชำระเงินออนไลน์และการโอนเงินข้ามประเทศผ่านแอปพลิเคชันขยายตัวสูง ตลาดแข่งบริการทั้งความสะดวกรวดเร็วและราคาดี


    DeeMoney ธุรกิจให้บริการโอนเงินข้ามประเทศของไทย เป็นฟินเทคที่เติบโตค่อนข้างเร็ว ได้การตอบรับที่ดีจากตลาด จึงเร่งเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จด้วย 3 จุดแข็งคือ เรทดี ไวดี และง่ายดี โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายตลาดศักยภาพสูง ผู้บริหารต่างชาติในไทยและคนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งพบว่าธุรกรรมโอนเงินต่างประเทศเข้าไทยเติบโตมาก

    “ปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทเดินหน้าสร้างการรับรู้ทำให้การตอบรับด้าน brand positive awareness ของ DeeMoney เพิ่มขึ้นเป็น 45%” อัศวิน พละพงศ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง DeeMoney เผยถึงความสำเร็จในการสร้างแบรนด์บริการโอนเงินข้ามประเทศที่สะดวกรวดเร็วในอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าบริการโอนเงินแบบทั่วไป

    เขายังเผยด้วยว่า ในปี 2567 นี้ DeeMoney เตรียมต่อยอดแบรนด์ผ่านจุดเเข็ง “เรทดี ไวดี ง่ายดี” พร้อมผลักดันแอปพลิเคชัน DeeMoney ให้มียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น โดยโฟกัสที่กลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพสูงเพื่อกระตุ้นยอดการทำธุรกรรม (transaction) ให้เพิ่มมากขึ้นบนพื้นฐานหลักซึ่งมุ่งพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจแบบก้าวกระโดด

    ที่ผ่านมา DeeMoney ให้บริการโอนเงินไปต่างประเทศรองรับมากกว่า 26 สกุลเงิน ครอบคลุมมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และถือเป็นฟินเทครายแรกของไทยที่หันมาสร้างแบรนด์อย่างจริงจังด้วยการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า เริ่มจากภาพยนตร์โฆษณาตัวแรก “โอนไวระห่ำโลก” ต่อยอดเป็นกิจกรรมผ่านแคมเปญชื่อ #DeeMoneyOWNDEEChallenge และกิจกรรมส่งเสริมการขาย กระตุ้นการเพิ่มการทำธุรกรรมสำหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบันในกิจกรรม “DeeMoney โอนดีแจกฟรีเทสล่า” ซึ่งแจกไปแล้ว 1 คันในปี 2566 พร้อมกันนี้ยังจับมือกับพันธมิตรธนาคารไทยพาณิชย์หรือ SCB ในการบุกตลาดเมียนมาในประเทศไทย


โลกตื่นตัวฟินเทค

    ด้าน รัศเมฆ ศรีเศรษฐี กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง DeeMoney กล่าวว่า ในปี 2567 ธุรกิจฟินเทคทั้งของไทยและของโลกมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยมีบริษัทต่างๆ ที่ให้บริการด้านการเงินและเทคโนโลยีที่สนับสนุนการเงินมากมาย อีกทั้งคนทั่วโลกต่างกำลังให้ความสนใจในการใช้บริการฟินเทคเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้บริการที่ต้องการความสะดวกสบายในการทำธุรกิจและการเงิน จึงทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง

    “คนทั่วโลกและคนไทยมีปริมาณการชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่า FinTech กำลังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจและการเงิน” การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นทั้งในระดับประเทศและระดับโลก อัศวินกล่าวและว่า ที่ผ่านมา DeeMoney ได้ขับเคลื่อนในฐานะผู้ให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศที่เป็น non-bank ภาคเอกชน เป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคในการโอนเงินทั้งจากไทยไปต่างประเทศ และจากต่างประเทศเข้ามาในไทย โดยให้ความสำคัญในเรื่องของโปรดักต์และบริการที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และจะขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มมากขึ้น

    พร้อมกับการขยายตลาด DeeMoney ได้อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชัน โดยฟีเจอร์หลักที่ได้เปิดใช้งานแล้ว เช่น การเพิ่มฟังก์ชันด้านภาษาในแอปพลิเคชันให้สามารถรองรับได้มากถึง 7 ภาษา นอกจากภาษาหลัก ไทย อังกฤษ ยังมีภาษาจีน ภาษาเมียนมา ภาษาตากาล็อก และ DeeMoney ยังได้อัปเกรดบริการเพิ่มเติมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เช่น การเปิดรูปแบบการโอนเงินส่วนบุคคลไปยังธุรกิจที่ประเทศอินเดีย (India P2B: Personal-to-Business) ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ผู้ใช้บริการที่ต้องการโอนเงินในด้านธุรกิจไปยังประเทศอินเดียได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

    นอกจากนี้ ยังมีการโอนเงินผ่าน DeeMoney ไปยัง 6 วอลเล็ตชั้นนำในประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากปัจจุบันจำนวนผู้ใช้ช่องทางการทำธุรกรรมแบบไร้เงินสดในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นเป็น 84% โดยการสำรวจพบว่า ช่องทางการชำระเงินดิจิทัลหรือไร้เงินสดที่เป็นที่ต้องการในฟิลิปปินส์คือ “กระเป๋าเงินมือถือ (mobile wallet)” คิดเป็น 64% ของชาวฟิลิปปินส์ DeeMoney พยายามให้บริการที่ตรงความต้องการของลูกค้า และมุ่งมั่นพัฒนา ปรับปรุง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพบริการเพื่อตอบสนองความพึงพอใจลูกค้าให้ได้มากที่สุด


ร่วมมือแบรนด์ขยายธุรกิจ

    “ปีนี้ DeeMoney ยังเดินหน้าสร้างการรับรู้ต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่องภายใต้ direction ที่ DeeMoney จะทำงานร่วมกับแบรนด์ต่างๆ ผู้ใช้งาน สื่อ และพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น” รัศเมฆกล่าวและว่า เพื่อเสริมศักยภาพและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค โดยการผลักดันผ่านแคมเปญและโปรโมชั่นที่เชื่อมโยงกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์และยั่งยืนกับลูกค้าได้ในระยะยาว

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดแข็งของ DeeMoney กับ 3 USP ผ่านแคมเปญหลักคือ โอนดี “เรทดี ไวดี ง่ายดี” โดย “เรทดี” หมายถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีและคิดค่าธรรมเนียมการทำรายการคงที่ โดยการโอนเงินไปต่างประเทศมีค่าบริการเริ่มต้นที่ 125 บาท เมื่อเทียบกับค่าบริการของคู่แข่งรายอื่นทาง DeeMoney คิดค่าบริการในราคาที่ถูกกว่า

    “ไวดี” DeeMoney รับประกันระยะเวลาที่เงินจะเข้าบัญชีปลายทางภายใน 1 วันทำการ (สามารถตรวจสอบประเทศปลายทางที่ให้บริการได้ทางเว็บไซต์ DeeMoney) และ “ง่ายดี” สำหรับแอปพลิเคชัน DeeMoney มีความสะดวก ง่าย รวดเร็ว ปลอดภัย และโปร่งใสในการให้บริการ และที่สำคัญผู้ใช้งานสามารถดำเนินการในการทำธุรกรรมต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง

    “ปีนี้ DeeMoney มีแผนต่อยอดความสำเร็จและเน้นย้ำ OWNDEE เป็น Uniques Selling Points หลักอย่างต่อเนื่อง” กรรมการผู้จัดการ DeeMoney กล่าวพร้อมเผยว่า จะมีการยกระดับการสร้างการรับรู้ต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายผ่านการเล่าเรื่องราวจาก customer experience และเพิ่มการรับรู้ถึงความน่าเชื่อถือของแบรนด์ต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายผ่านแคมเปญที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับใบรับรองการดำเนินงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านความคิดเห็นของลูกค้า (voice of customers)

    ส่วนกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาด DeeMoney ยังคงโฟกัสกลุ่มเป้าหมายลูกค้าเดิม (existing customers) และต่อยอดกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ (new customers) ที่จะสร้างการรับรู้ การสื่อสารเรื่องความน่าเชื่อถือ เพื่อให้เกิดการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้น

    “เราจะพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสริมกลยุทธ์ในการรุกตลาดที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่มลูกค้าอินเดียและจีน เห็นได้จากกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดต่างๆ ที่ออกมาในช่วงไตรมาสแรก” ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์ไดเร็กชั่นที่ทางบริษัทได้วางไว้และเป็นการยืนยันได้ว่า DeeMoney ไม่หยุดที่จะพัฒนาเพื่อคงความเป็นอันดับ 1 ในด้านการให้บริการโอนเงินไปต่างประเทศต่อไป



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Personalized Marketing การตลาดแบบเจาะจงความต้องการของลูกค้า

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนเมษายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine2567 ในรูปแบบ e-magazine