กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดตัวซีรี่ส์ไลฟ์สตรีมมิ่ง รายการ ‘NEW NORMAL, MORE MONEY’ เผยเคล็ดลับ บริหารการเงิน โดย ‘ฐากร ปิยะพันธ์’ และ ‘รวิศ หาญอุตสาหะ’
รายการ ‘NEW NORMAL, MORE MONEY’ คือ ซีรี่ส์ไลฟ์สตรีมมิ่งล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในเฟซบุ๊กแฟนเพจฉลาดคิด ฉลาดใช้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญสื่อสารออนไลน์ในโครงการฉลาดคิด ฉลาดใช้ เพื่อให้ความรู้ทางการเงินแก่คนรุ่นใหม่โดยกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล เพื่อช่วยให้ทุกคนก้าวข้ามผ่านทุกปัญหาทางการเงินในช่วงวิกฤต โควิด-19 กับเหล่ากูรูจากแวดวงธุรกิจและยูทูบเบอร์คนดังที่มีไลฟ์สไตล์น่าสนใจจะมาช่วยหาคำตอบกับทุกคำถามการเงินในยุคชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) เพื่อพลิกวิกฤตเป็นโอกาสและวางแผนเพื่อสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคง โดยตอนแรกที่เพิ่งออกอากาศไปกับประเด็น ‘บริหารเงินให้รอดในยุค New Normal’ กับ ฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรีคอนซูมเมอร์ และ รวิศ หาญอุตสาหะ ผู้บริหารแบรนด์เครื่องสำอางศรีจันทร์และเจ้าของเพจ Mission to the Moon ดำเนินรายการโดย ดีเจโบ-ธนากร ชินกูล พิธีกรชื่อดัง ฐากร ปิยะพันธ์ ได้แนะเคล็ดลับการบริหารการเงินส่วนบุคคลในหลายประเด็นว่า "1.กำเงินสด ลดค่าใช้จ่าย - คือคาถาฝ่าวิกฤตการเงินที่เป็นเคล็ดลับการเอาตัวรอดในยุค New Normal เพราะเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องประหยัด, เก็บออม, ประเมินความจำเป็นในการจับจ่ายซื้อของ และควรเตรียมเงินฉุกเฉิน (Emergency Fund) ไว้ให้พร้อมอย่างน้อย 6 เท่าของเงินเดือน เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเองในยามเกิดวิกฤต 2. รายได้ที่ 2 คือทางรอด – สำหรับยุค New Normal แล้ว การมีรายได้ทางเดียวคือความเสี่ยง ทุกคนควรหาโอกาสสร้างรายได้ทางที่ 2 ด้วยการเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาทักษะ เช่น ขายของออนไลน์, เป็นยูทูบเบอร์ อินฟลูเอ็นเซอร์ หรือบล็อกเกอร์ สร้างคอนเทนต์ในสื่อโซเชียลมีเดีย เป็นต้น ใครจะรู้ รายได้ทางที่ 2 ในวันนี้ อาจกลายเป็นรายได้หลักในวันหน้าก็เป็นได้ 3. ออมวันนี้เพื่อชีวิตเกษียณในวันหน้า – ความเจริญทางการแพทย์ในยุคนี้ทำให้คนอายุยืน ดังนั้น การวางแผนการเงินเพื่อชีวิตหลังเกษียณจึงเป็นเรื่องสำคัญและทุกคนจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ด้วยวิธีจัดสรรปันส่วนเงิน แบ่งเป็น เงินไว้ใช้จ่าย, เงินออม สัดส่วนการออมที่เหมาะสมคือประมาณร้อยละ 20-30 ของรายได้ และเงินลงทุน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องศึกษาก่อนเลือกลงทุนและทำบันทึกการลงทุนทุกครั้งเพื่อเก็บเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนในอนาคต” ทั้งนี้ ‘คาถาฝ่าวิกฤตการเงิน’ โดย ‘ฐากร ปิยะพันธ์’ และ ‘รวิศ หาญอุตสาหะ’ ได้ให้ข้อคิดการบริหารการเงินขององค์กรว่า “1.รักษาองค์กรด้วยหลักการ 3 ประสาน – สำหรับ 3 เรื่องหลักในภาวะวิกฤตที่องค์กรควรติดตามและตรวจสอบอย่างใกล้ชิดทุกวันเพื่อเตรียมพร้อมรับมือล่วงหน้าก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม คือ การรักษากระแสเงินสด (Cashflow) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารการเงินองค์กร สินค้าคงคลัง (Inventory) เพราะเป็นปัจจัยที่จะทำให้องค์กรต้องเสียเงินในการดูแลรักษาและสต๊อกสินค้า ลูกค้า (Customer) และธนาคาร (Bank) เพื่อพูดคุยและทำความเข้าใจสถานการณ์ รวมทั้งหาวิธีการรับมือและแก้ไขปัญหา 2. ‘ตัวเบา’ คือ วิถีการบริหารองค์กรในยุค New Normal – องค์กรที่มีทรัพย์สินจำนวนมาก ๆ (Heavy Assets) จำเป็นต้องทำให้องค์กร ‘ตัวเบา’ ด้วยการลดการถือครองทรัพย์สินให้มากที่สุดเพื่อลดภาระและลดความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ” ฐากร ได้กล่าวเสริมในประเด็นเรื่องการบริหารการเงินขององค์กรว่า “เพิ่ม ‘วัคซีน’ ให้องค์กรอยู่รอด - องค์กรต้องเตรียมความพร้อม 3 ด้าน ซึ่งเปรียบเหมือนฉีดวัคซีนให้ธุรกิจแข็งแกร่งและอยู่รอด ได้แก่ Diversification คือ การแสวงหาโอกาสจากการทำธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้, Flexibility คือ การยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เหมาะสมตามสถานการณ์ และ Innovation คือ การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความอยู่รอดขององค์กร” นอกจากการ "บริหารการเงิน" แล้ว ทั้งฐากรและรวิศ ยังฝากทิ้งท้ายว่าการเตรียมตัวเองให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุค New Normal ก็เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ ดังนั้น ทุกคนจึงควรพัฒนาทักษะอยู่เสมอ โดยคุณสมบัติสำคัญที่ทุกคนควรมี คือ การมีความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ และไม่หยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และสำหรับเด็กที่เพิ่งเรียนจบในปีนี้และการหางานทำเป็นเรื่องยาก หากอยากเพิ่มโอกาสให้ตัวเองกลายเป็นที่ต้องการในตลาดงานต้องรู้จักนำเสนอตัวเองด้วยพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) เพื่อทำให้องค์กรสนใจและอยากรับคุณเข้าทำงาน อ่านเพิ่มเติม: 4 หลักคิดสร้างสมดุลระหว่าง ข้อมูลส่วนบุคคล กับ การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine